ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 35.16/18 อ่อนค่าจากช่วงเช้า รอดูตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯศุกร์นี้ มองกรอบสัปดาห์หน้า 35.00-35.30

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday May 4, 2016 17:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 35.16/18 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากตอนเช้าที่เปิดตลาดอยู่ที่ ระดับ 35.12 บาท/ดอลลาร์

"ระหว่างวันทำ Low ตอนเปิด และ High ตอนปิด ก็ไม่ได้มีปัจจัยอะไรหรือเหตุการณ์อะไร แต่ดอลลาร์ถูกซื้อเมื่อเทียบ กับทุกสกุล"นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน กล่าวว่า ทิศทางค่าเงินบาทยังประเมินยากเนื่องจากเราจะหยุดยาวเปิดทำการอีกทีวันจันทร์ที่ 9 พ.ค. แต่คืนวันศุกร์มีตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ เบื้องต้นประเมินกรอบเงินบาทระหว่าง 35.00-35.30 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 106.77 เยน/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 107.17 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1481 ดอลลาร์/ยูโร จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 1.1479 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,390.70 จุด ลดลง 7.17 จุด, -0.51% มูลค่าการซื้อขาย 32,586.93 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,357.82 ลบ.(SET+MAI)
  • นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ต้องรอลุ้นตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ
จีดีพี ไตรมาสแรกของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่จะเปิดเผยออกมาในวันที่ 16 พ.ค.นี้
ซึ่งถ้าตัวเลขออกมาขยายตัวไม่ต่ำกว่า 2.8% จะเป็นผลดีกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อจากนี้ไปได้
  • นายเบญจรงค์ สุวรรณคีรี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ และหัวหน้านักวิเคราะห์ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี
(TMB Analytics) เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการขนาดย่อม-ทีเอ็มบี (TMB-SME Sentiment Index) ในช่วงไตรมาส
1/59 อยู่ที่ 42.1 ปรับขึ้นจากระดับ 40.5 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากช่วงไตรมาส 4/58 หลังจากผ่านจุดต่ำสุดในช่วงไตรมาส 3/2558 ที่
ระดับ 34.2
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในการประชุมครั้งที่ 3 ของปีวันที่ 11 พ.
ค.นี้ จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.50% เนื่องจากมาตรการต่างๆของภาครัฐที่ออกมาในช่วงที่ผ่านมา ผนวกกับต้นทุนทาง
การเงินที่อยู่ในระดับต่ำ (ซึ่งน่าจะเอื้อต่อบรรยากาศการลงทุนและการบริโภค) รวมทั้ง ความเสี่ยงจากปัจจัยต่างประเทศที่คลายตัว
ลงบางส่วน น่าจะสนับสนุนให้ กนง. รอประเมินพัฒนาการเศรษฐกิจไทยอีกระยะหนึ่งได้
  • นางทองอุไร ลิ้มปิติ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า
ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค.59 เป็นต้นไป บัตรเอทีเอ็มและบัตรเดบิตที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งในประเทศไทยจะเป็นบัตรแบบชิ
ปการ์ด ขณะที่บัตรเดิมอีก 60 ล้านใบในปัจจุบันที่ยังเป็นแถบแม่เหล็กนั้น ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งจะทยอยเปลี่ยนเป็นบัตรตามมาตรฐานชิ
ปการ์ดของไทย ภายในวันที่ 31 ธ.ค.62
  • สำนักงานสถิติเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขยายตัว 4.92 % ในช่วง 3 เดือนแรกของปี
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นสถิติที่ลดลงจากไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว 5.04% ทั้งนี้ เศรษฐกิจอินโดนีเซียขยายตัว
4.79% ในปีที่แล้ว ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2552
  • แถลงการณ์ของธนาคารกลางจีนและสำนักงานศุลกากรจีนเปิดเผยว่า จีนจะทดลองใช้นโยบายฉบับใหม่ ซึ่งมีเป้าหมาย
ที่จะทำให้ขั้นตอนการนำเข้าและส่งออกทองคำสะดวกขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว โดยจีนจะเดินหน้าทดสอบนโยบายใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.
ย. เป็นต้นไป โดยจะอนุญาตให้บริษัทที่ทำธุรกิจทองคำผ่านพิธีการศุลกากรได้มากถึง 12 ครั้งโดยใช้ใบอนุญาตเพียงใบเดียว ในขณะที่
ก่อนหน้านี้การผ่านพิธีการศุลกากร 1 ครั้งต้องใช้ใบอนุญาต 1 ใบ
  • นายทาโร อาโสะ รัฐมนตรีกระทรวงคลังของญี่ปุ่นแสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแข็งค่าอย่างต่อเนื่องของเงินเย
นในตลาดปริวรรตเงินตราเมื่อวานนี้ โดยระบุว่า รัฐบาลญี่ปุ่นอาจจะใช้มาตรการหากมีความจำเป็น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ