น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้สำนักงานการค้าภายในจังหวัดออกตรวจสอบร้านค้าเหล็กทั่วประเทศแล้ว โดยเฉพาะร้านค้าปลีก เพื่อตรวจสอบสถานการณ์จำหน่าย และป้องกันการกักตุนสินค้า หลังจากที่ราคาเหล็กได้ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งกรมฯได้แจ้งให้ผู้ผลิตเหล็กที่จะปรับขึ้นราคาขาย ต้องแจ้งล่วงหน้า 7 วันก่อนปรับขึ้นราคา เพื่อนำมาเป็นข้อมูลติดตามความเคลื่อนไหวทางด้านราคาต่อไป
ในวันนี้ อธิบดีกรมการค้าภายใน ได้เดินทางลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบสถานการณ์เหล็กและราคาสินค้าอุปโภคบริโภค อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าราคาเหล็กเส้นปรับขึ้นจริง โดยราคาปัจจุบันอยู่ที่ 20-21 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่อยู่ที่ 17-18 บาท/กก. เพราะวัตถุดิบปรับราคาสูงขึ้น จากการที่จีนปิดโรงงานเหล็กที่ไม่ได้คุณภาพ และลดกำลังการผลิต ทำให้เหล็กขาดแคลน แต่จากการหารือกับผู้จำหน่ายในประเทศ ได้ยืนยันว่าเหล็กมีเพียงพอต่อความต้องการใช้ เพราะผู้ค้ายังสั่งซื้อเหล็กจากโรงงานได้ตามปกติ ขณะที่โรงงานผลิตเหล็กยังใช้กำลังการผลิตเพียง 50% ของกำลังการผลิตทั้งหมด และสามารถเพิ่มกำลังการผลิตให้สอดคล้องความต้องการได้ โดยเฉพาะการผลิตเพื่อป้อนความต้องการจากโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลที่จะมีมากขึ้นในปีนี้
ขณะที่การสำรวจราคาพืชผลทางการเกษตรนั้น พบว่า คาผักส่วนใหญ่ทรงตัวในระดับสูง โดยราคาปรับขึ้นลงเป็นรายวัน ตามปริมาณผลผลิตที่ออกสู่ตลาด เช่น ถั่วฝักยาว 100 บาท/กก. ลดจาก 120 บาท/กก. มะนาว 3 ลูก 20 บาท เป็นต้น สำหรับเนื้อหมู ราคาขายปลีก 155-160 บาท/กก. ไข่ไก่ เบอร์ 3 ฟองละ 3.30 บาท และเบอร์ 0 ฟองละ 4.20 บาท โดยราคาได้ปรับตัวสูง แต่ปริมาณมีเพียงพอต่อความต้องการบริโภค
น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ กล่าวว่า กรมฯ ได้เดินหน้าขยายร้านหนูณิชย์พาชิม เพื่อจำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จราคาถูกให้ครอบคลุมทั่วประเทศตามเป้าหมาย จนถึงขณะนี้สามารถเปิดได้แล้ว 8,200 ร้าน และจะครบ 10,000 ร้าน ภายในเดือนพ.ค.นี้ รวมทั้งได้เตรียมจัดงาน "ธงฟ้าอิ่มทั่วไทยไปกับหนูณิชย์" ที่อิมแพค เมืองทองธานี โดยรวบรวมร้านหนูณิชย์จากทั่วประเทศจังหวัดละ 2 ร้าน มาให้ประชาชนได้เลือกชิมอาหารปรุงสำเร็จ ที่มีคุณภาพ และราคาเป็นธรรม เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนของประชาชนในการบริโภคอาหาร