นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 59 กระทรวงฯ เตรียมจัดประชุมระดับรัฐมนตรีร่วมกับออสเตรเลียเพื่อหาทางขยายโอกาสการค้าและการลงทุนระหว่างกันเพิ่มขึ้น หลังจากได้ประเมินผลการจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-ออสเตรเลีย ซึ่งมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.48 จนถึงปัจจุบันรวม 11 ปี ช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันกว่า 3 เท่าตัว จากมูลค่าการค้าเฉลี่ยในช่วงปี 45-47 ก่อนทำ FTA อยู่ที่ 3,842.9 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่หลังทำ FTA แล้วมูลค่าการค้าเฉลี่ยช่วงปี 56-58 เพิ่มขึ้นเป็น 14,845.1 ล้านเหรียญฯ และไทยได้เปรียบดุลการค้ามาโดยตลอด
โดยในภาคการค้า ออสเตรเลียได้ลดภาษีสินค้าทุกรายการเป็น 0% หมดแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.58 ถือเป็นโอกาสที่ผู้ส่งออกไทยจะส่งออกสินค้าต่างๆ ไปยังตลาดออสเตรเลียโดยไม่เสียภาษีนำเข้า ส่วนไทยได้ลดภาษีสินค้า 98.99% ของจำนวนรายการสินค้าทั้งหมดเป็น 0% แล้ว คงเหลือบางรายการ เช่น สินค้าปศุสัตว์ (เนื้อวัว เนื้อหมู นม เนย) ชา และกาแฟ ที่ขอเวลาปรับตัว 15 ปี โดยจะทยอยลดภาษีและจะเปิดเสรีในปี 63
สำหรับสินค้าส่งออกของไทยที่ใช้สิทธิประโยชน์จากการลดภาษีมาก เช่น ยานยนต์และอุปกรณ์, เม็ดพลาสติก, อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป, เครื่องปรับอากาศและอุปกรณ์, ผลิตภัณฑ์ยาง, อัญมณีและเครื่องประดับ, ส่วนการนำเข้า ไทยใช้สิทธิประโยชน์นำเข้าสินค้าหลายรายการเพื่อใช้ในกระบวนการผลิต เช่น น้ำมันดิบ, ถ่านหิน, สินแร่โลหะ, ก๊าซธรรมชาติ, เคมีภัณฑ์, เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เป็นต้น
ส่วนในภาคบริการและการลงทุนของไทยในออสเตรเลียยังมีโอกาสขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจบริการที่มีศักยภาพสูง ได้แก่ ธุรกิจท่องเที่ยว, โรงแรม, ภัตตาคารไทย, สุขภาพ, ธุรกิจรักษาพยาบาลที่มีการพำนักระยะยาว, เสริมความงาม, ประดับยนต์, การออกแบบและก่อสร้าง เป็นต้น ซึ่งเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่จะขยายตลาดไปสู่ออสเตรเลีย โดยเฉพาะภาคธุรกิจด้านพลังงานและอาหารไทยที่ถือว่าไทยประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในปัจจุบัน