นางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เปิดเผยว่า ช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-เม.ย.59) มีโครงการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนรวม 398 โครงการ เพิ่มขึ้น 84% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีเงินลงทุน 200,520 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 463% โดยจำนวนโครงการที่ยื่นขอรับการส่งเสริมในขณะนี้คิดเป็น 44% ของเป้าหมายทั้งปีซึ่งตั้งไว้ที่ 450,000 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่านโยบายสำคัญต่างๆ เริ่มส่งผล โดยเฉพาะนโยบายส่งเสริมการลงทุนในรุปแบบคลัสเตอร์ และมาตรการเร่งรัดการลงทุน
โดยในเดือน เม.ย.59 มีโครงการยื่นขอรับการส่งเสริมจำนวน 90 โครงการ เพิ่มขึ้น 52% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยมีเงินลงทุนทั้งสิ้น 111,660 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 1,000% เนื่องจากมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ในระบบขนส่งทางท่อ
สำหรับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้มีมูลค่าทั้งสิ้น 57,896 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 852% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการลงทุนจากประเทศญี่ปุ่นสูงสุดจำนวน 18,024 ล้านบาท หรือคิดเป็น 31% ของการลงทุนจากต่างประเทศ รองลงมาคือเนเธอร์แลนด์ 10,907 ล้านบาท แต่ในจำนวนนี้เป็นบริษัทญี่ปุ่นที่ลงทุนผ่านเนเธอร์แลนด์ประมาณ 5,000 ล้านบาท ตามด้วยการลงทุนจากจีน 7,574 ล้านบาท, เกาหลีใต้ 4,335 ล้านบาท และสิงคโปร์ 3,314 ล้านบาท
เลขาธิการ BOI กล่าวว่า ขณะที่ช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ได้อนุมัติโครงการลงทุนไปแล้ว 523 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 134,130 ล้านบาท ซึ่งหากดำเนินการเต็มโครงการแล้วจะก่อให้เกิดการจ้างแรงงานไทยจำนวน 38,000 คน มีการใช้วัตถุดิบในประเทศประมาณ 152,000 ล้านบาท และจะมีการสร้างรายได้จากการส่งออกประมาณ 203,000 ล้านบาท
สำหรับโครงการที่ขอรับการส่งเสริมตามนโยบายคลัสเตอร์ตั้งแต่ปี 58 จนถึงเดือน เม.ย.59 มีทั้งสิ้น 11 โครงการ คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนรวมกว่า 17,800 ล้านบาท ซึ่งเป็นการลงทุนในพื้นที่ จ.ระยอง, เชียงใหม่, ภูเก็ต, ชลบุรี, เขียงใหม่ และฉะเชิงเทรา ตัวอย่างโครงการสำคัญที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุน ได้แก่ การผลิตระบบหัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิง, อิเล็กทรอนิกส์, การผลิตชิ้นส่วน Electronic Control and Measurement, การผลิตชิ้นส่วน/อุปกรณ์ระบบพลังงานแสงอาทิตย์, การผลิตเครื่องซักผ้าที่สามารถเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต, กิจการ Data Center, กิจการ Cloud Service, การผลิตเคมีภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม, การผลิตเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ, การผลิตคอนแทคเลนส์ และการผลิตเลนส์แก้วตาเทียม เป็นต้น
"ขณะนี้บีโอไอกำลังเจรจากับนักลงทุนอีกหลายราย ซึ่งคาดว่าตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงปลายปีจะมีโครงการลงทุนตามนโยบายคลัสเตอร์เข้ามาอีกมาก ขอให้เชื่อมั่นว่าการลงทุนของเอกชนผ่านทางบีโอไอจะมีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน" นางหิรัญญา กล่าว