นายกฯ เห็นชอบแผนพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา เชื่อมโยงสุวรรณภูมิ-ดอนเมือง, ท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ เพิ่มศักยภาพขนส่งและท่องเที่ยว

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday June 22, 2016 12:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พ.อ.หญิง ทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เรื่อง แนวทางการดำเนินงานของการท่าอากาศยาน และความต้องการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก รวมถึงการพัฒนาท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน

ทั้งนี้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ได้สรุปภาพรวมการเติบโตทางเศรษฐกิจของบริเวณพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออกว่า บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออกมีฐานการผลิตอุตสาหกรรมปิโตรเคมีของประเทศ คิดเป็นเงินลงทุน 36% ของประเทศ (1.9 ล้านล้านบาท) ผลิตภัณฑ์มวลรวมสาขาอุตสาหกรรมสูงถึง 1.4 ล้านล้านบาท (39%) โดยรัฐบาลมีนโยบายในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม มุ่งเน้นพัฒนาระบบขนส่งทางรางและสร้างโครงข่ายมอเตอร์เวย์ เพื่อลดระยะเวลาในการเดินทางและลดเวลาในการขนส่งสินค้าลดต้นทุนโลจิสติกส์ เพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง โดยจะเชื่อมเมืองหลัก และเป็นศูนย์กลางของภาคตะวันออกเชื่อมกับประเทศเพื่อนบ้าน

ด้านโลจิสติกส์มุ่งเน้นเป็นศูนย์กลางการคมนาคม พัฒนาเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางน้ำของภูมิภาค และด้านการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะพลังงานสะอาด เช่น ระบบรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ พัทยา ระยอง พร้อมสร้างท่าเรือเฟอรี่เชื่อมโยงอ่าวไทย พัทยา จุกเสม็ด ชะอำ และพัทยา เสม็ด เกาะช้าง เป็นต้น

ด้านนางอรรชกา สีบุญเรือง รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรมให้ความสำคัญในการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกให้เป็นเขตเศรษฐกิจชั้นนำของอาเซียน โดยเตรียมร่างกฎหมายสนับสนุนการลงทุน พร้อมจะพัฒนาต่อยอดความพร้อมด้านอุตสาหกรรมและบริการในอนาคต เพื่อทำให้นักลงทุนทั่วโลกรู้จักด้วยอุตสาหกรรมยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และปิโตรเคมี สำหรับความสำเร็จในการลงทุนของภาคเอกชนในระยะเวลาอันใกล้ในพื้นที่ภาคตะวันออก มีเอกชนพร้อมลงทุนไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านล้านบาท ในระยะเวลา 5 ปี ได้แก่ อุตสาหกรรมเป้าหมาย 500,000 ล้านบาท โครงสร้างพื้นฐาน 400,000 ล้านบาท ที่อยู่อาศัย โรงเรียน โรงพยาบาล 400,000 ล้านบาท และการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ 200,000 ล้านบาท ทั้งนี้ หัวใจสำคัญของการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกคือการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและพื้นที่ข้างเคียง

จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้สอบถามและเร่งรัดแผนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ ถนน ราง ท่าเรือและอากาศ โดยเร่งรัดให้ดำเนินการให้รวดเร็ว ตอบสนองการพัฒนาทั้งระบบโครงการหรือแผนงานได้ มีงบประมาณแล้วก็เร่งดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบเวลาหรือรวดเร็วกว่านั้น ที่สำคัญจะต้องมีการเชื่อมโยงระหว่าง 3 สนามบิน คือ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง อู่ตะเภา

สำหรับการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกจุกเสม็ดนั้นมีความสำคัญที่จะช่วยยกศักยภาพเรื่องการขนส่งและการท่องเที่ยว เช่น จุดจอดเรือยอร์ช และเชื่อมกับภูเก็ต จุดจอดเรือเฟอรี่ ที่สำคัญที่สุดจะต้องดูเรื่องการเชื่อมโยงไปท่าเรืออื่น ๆ เช่น แหลมฉบัง และสนามบินด้วย

ทั้งนี้ ในส่วนของอุตสาหกรรมใหม่ S-Curve นายกรัฐมนตรีขอให้พิจารณาเรื่องธุรกิจสีเขียวและวางแผนให้ชัดเจน รวมทั้งเร่งแก้ปัญหา เช่น ปัญหาสิ่งแวดล้อม ที่ต้องไปดูให้ละเอียดและแก้ปัญหาอย่างบูรณาการ โดยนายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบแผนพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ และมอบหมายให้จัดทำแผนปฏิบัติการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว หากมีประเด็นข้อกฎหมายหรืออุปสรรค ให้รีบนำเสนอเพื่อหาทางแก้ปัญหาโดยเร็ว ทั้งนี้ ขอให้รับฟังความเห็นของประชาชนในพื้นที่ และสร้างความเข้าใจว่าการพัฒนานี้จะสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ เพิ่มโอกาสและยกรายได้ของประเทศอย่างยั่งยืน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ