(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 35.05/07 อ่อนค่าเล็กน้อย หลัง BoE มีมติคงดอกเบี้ยสวนทางตลาดคาด-จับตา Fund Flow

ข่าวเศรษฐกิจ Friday July 15, 2016 11:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 35.05/07 บาท/ดอลลาร์ จากช่วง ปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ 35.03/04 บาท/ดอลลาร์

"บาทอ่อนค่าจากเย็นวานนี้เล็กน้อย แต่ทิศทางทรงๆตัว ถึงแม้ BoE จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ย แต่ตลาดคาดการณ์ว่าอาจมี การปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไปได้ โดยรอดูท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) และธนาคารญี่ปุ่น (BOJ)" นักบริหาร เงิน กล่าว

ขณะที่กรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ประเมินไว้ระหว่าง 34.90-35.10 บาท/ดอลลาร์

"วันนี้น่าจะทรงตัว ต้องรอดูตัวเลขจีดีพีของจีนว่าจะออกมาเป็นอย่างไร และทิศทางการไหลเข้าของเงินทุนต่าง ประเทศ" นักบริหารเงิน กล่าว

ล่าสุด SPOT อยู่ที่ระดับ 34.9508 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 3M (14 ก.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.33221% ส่วน THAI BAHT FIX 6M (14 ก.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.47453%

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 105.68/70 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 105.90 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1110/1113 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1110 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 35.1400 บาท/
ดอลลาร์
  • สำนักวิจัยธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 3
ส.ค.นี้ คาดว่า กนง.จะยังคงดอกเบี้ยนโยบายต่อไปอีกครั้งแม้มีแนวโน้มจะเกิดสงครามค่าเงินในภูมิภาครอบใหม่ จากการที่ล่าสุด
ธนาคารกลางมาเลเซียได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงครั้งแรกในรอบ 7 ปี โดยปรับลดลง 0.25% มาอยู่ที่ 3%
  • บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ (SCBS) เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2559 มีแนวโน้มปรับตัว
ดีขึ้น ได้ในระดับที่น่าพอใจ โดยคาดว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะปรับเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 1550-1600 จุด ซึ่งปัจจัยสำคัญ
ที่จะกำหนดทิศทางการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้มาจากการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)
ในช่วงไตรมาสแรกที่สูงกว่าคาด และเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับอนาคต ขณะที่รายได้จากการท่องเที่ยว และการลงทุนภาครัฐจะช่วยกระตุ้น
แรงส่งทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
  • ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลการสำรวจพฤติกรรมและการใช้จ่ายของ
ประชาชน ในช่วงวันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา พร้อมทั้งวันหยุดยาว 5 วัน ว่า ในช่วงวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา ที่
กำลังจะมาถึงนี้ จากการสำรวจพบว่า จะมีเงินสะพัดในช่วงเวลาดังกล่าวประมาณ 5,773.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.6% จากปี
2558 ที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขสูงสุดในรอบ 5 ปี
  • นายกสมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผยว่า ในช่วงเวลา 1 ปีนับจากนี้ จะเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของวงการ อสัง
หาฯ โดยเฉพาะรายใหญ่ในตลาดจะปรับโครงสร้างทางธุรกิจใหม่ เนื่องจากต้องขยายธุรกิจไปในทุกเซ็กเมนต์ เพื่อสร้างความ
ยืดหยุ่น ซึ่งปัจจัยส่งเสริมให้รายใหญ่ต้องปรับโครงสร้างนั้นมาจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ระดับต่ำเป็นเวลานานทำให้มีต้นทุนต่ำ สภาพคล่อง
ทางการเงินสูง รวมถึงการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่าย
  • สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (สพพ.) ได้ลงนามร่วมมือกับองค์การความร่วมมือ
ระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (ไจก้า) เพื่อช่วยกันพัฒนาประเทศเพื่อนบ้านให้มีความเจริญก้าวหน้า โดยจะเริ่มจากการสนับสนุนการก่อ
สร้างโครงสร้างพื้นฐาน โดยไจก้าจะเข้าไปช่วยเหลือในส่วนของการสร้างเส้นทางในประเทศกัมพูชาและเวียดนาม ในส่วนของ
สพพ.จะเข้าไปให้ความช่วยเหลือเส้นทางในประเทศเมียนมา ซึ่งเส้นทางดังกล่าวจะเชื่อมต่อจากประเทศเวียดนามไปถึงท่าเรือน้ำลึก
ทวายประเทศเมียนมา เป็นต้น
  • นายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา กล่าวว่า เฟดควรจะใช้ความอดทน
และระมัดระวังในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต เนื่องจากผลกระทบจากการที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
เริ่มปรากฎชัดขึ้น ถึงแม้ว่าผลกระทบจากปัจจัย Brexit จะไม่รุนแรงเหมือนกับวิกฤตการณ์เลห์แมน บราเธอร์สก่อนหน้านี้ แต่เขา
กล่าวว่า ผลการสำรวจบริษัทราว 1 ใน 3 พบว่า ปัจจัย Brexit ทำให้แนวโน้มยอดขายมีความไม่แน่นอนมากขึ้น ส่งผลให้บริษัท
เหล่านี้ใช้ความระมัดระวังมากขึ้นในการจ้างงาน และใช้จ่ายทุน
  • ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
ซึ่งสวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25%
  • รายงานการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (MPC) ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) บ่งชี้ว่า BoE มี
แนวโน้มออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมเดือนหน้า หลังจากที่ BoE ทำการประเมินผลกระทบที่เศรษฐกิจอังกฤษได้รับจาก
การที่สหราชอาณาจักรลงประชามติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์
สหรัฐที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินปอนด์ และข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิ.ย.ที่พุ่งขึ้น
สูงสุดในรอบหลายเดือน โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 93 เซนต์ หรือ 2.1% ปิดที่ 45.68 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 1.11 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 47.37 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (14 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนลดความต้องการถือครองทองคำซึ่งเป็น
สินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ ขานรับธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ที่ส่งสัญญาณว่าอาจจะปรับลด
อัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง
11.40 ดอลลาร์ หรือ 0.85% ปิดที่ระดับ 1,332.20 ดอลลาร์/ออนซ์
  • เงินสกุลปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 ก.ค.) หลัง

จากธนาคารกลางอังฤษ (BoE) มีมติคงอัตราดอกเบี้ย และคงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE ในการประชุมเมื่อ

วานนี้ ซึ่งสวนทางกับกระแสคาดการณ์ในตลาด โดยเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1123 ดอลลาร์สหรัฐ

จากระดับ 1.1110 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบเยนที่ระดับ 105.38 เยน จากระดับ 104.37 เยน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ