ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 34.90/93 แข็งค่าหลัง FED คงดอกเบี้ยตามคาด-ยังรอผลประชุม BOJ

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday July 28, 2016 09:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 34.90/93 บาท/ดอลลาร์ จากช่วง เย็นวานนี้ที่ปิดตลาดระดับ 35.00 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทวันนี้แข็งค่าจากเย็นวาน หลังจากที่เมื่อคืนคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับเดิม และยังมีการระบุว่าความเสี่ยงระยะใกล้ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจได้ลดน้อยลงแล้ว โดยวันนี้ ทิศทางเงินบาทยังมีโอกาสแข็งค่าได้ต่อ เพราะตลาดรับข่าวดังกล่าว ขณะที่ยังต้องติดตามผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ด้วยเช่นกัน

"วันนี้บาทแข็งค่าขึ้น รับข่าวเมื่อคืนหลังจากที่เฟดคงดอกเบี้ย ทิศทางวันนี้ยังมีโอกาสแข็งค่าได้ต่อ และต้องจับตาผล ประชุม BOJ ด้วย" นักบริหารเงิน ระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 34.80-35.00 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เช้านี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 104.85/90 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 105.39 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรเช้านี้อยู่ที่ 1.1062/1066 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.0999 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 35.0230 บาท/
ดอลลาร์
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ปัจจัยจากการอัดฉีดสภาพคล่องของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) หรือธนาคารกลาง
ญี่ปุ่น (บีโอเจ) นั้นมีผลต่อเงินไหลเข้ามายังประเทศไทยและประเทศตลาดเกิดใหม่ไม่มากเท่ากับปัจจัยจากสหรัฐ เนื่องจากคิวอีของ
ยุโรปและญี่ปุ่นมีวัตถุประสงค์ต้องการให้สถาบันการเงินภายในปล่อยสินเชื่อสู่ระบบมากขึ้น ฉะนั้นค่าเงินบาทจึงตอบสนองกับยุโรปและ
ญี่ปุ่นน้อย
  • กลุ่มเกียรตินาคินภัทรปรับลดอัตราเติบโตสินเชื่อเหลือ 3-5% จากเดิม 15% เหตุเศรษฐกิจ-ยอดขายรถฟื้นตัวช้า
พร้อมเร่งลดเอ็นพีแอลลง 1% ภายในสิ้นปี หันปล่อยปล่อยกู้เอสเอ็มอี-สินเชื่อบุคคล
  • กลุ่มยานยนต์ ส.อ.ท. เตรียมยื่นหนังสือถึง สศอ. ขอให้ทบทวนนโยบายส่งเสริมรถไฟฟ้าใหม่ หวั่นกระทบหลายด้าน
ทั้งผู้ผลิตชิ้นส่วน และรถอีโคคาร์ รวมถึงภาคครัวเรือน ปลื้มยอดผลิตเดือน มิ.ย.พุ่ง 18.57%
  • นายกรัฐมนตรี ระบุว่า รัฐบาลไม่มีการยกเลิกนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ส่วนจะมีการลงทุนเท่าใดให้เน้น
พื้นที่ที่มีศักยภาพไว้ก่อน โดยขณะนี้พื้นที่ อ.แม่สาย จังหวัดเชียงราย อ.แม่สอด จังหวัดตาก อ.อรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว และ อ.
สะเดา จังหวัดสงขลา มีศักยภาพมกกว่าพื้นที่อื่นๆ แต่ไม่ใช่ว่าจะยกเลิกพื้นที่อื่นๆ เพราะพื้นที่อื่นๆก็จะไปพิจารณาดูว่ารูปแบบการส่ง
เสริมจะเป็นอย่างไร ถึงจะเหมาะสมตรงความต้องการของเอกชนที่ต้องมาพิจารณาเป็นการเฉพาะในบางกิจกรรม
  • สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (27 ก.ค.) หลังจาก
แถลงการณ์การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อวานนี้ระบุว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
  • ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนหลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) มีมติอย่างไม่เป็น
เอกฉันท์ 9-1 ในการประชุมเมื่อวานนี้ ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในช่วง 0.25-0.50% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ แต่
เฟดได้เปิดเผยแถลงการณ์ภายหลังการประชุม ซึ่งได้ส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
  • ขณะเดียวกันดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผย
ว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ดิ่งลงใน
เดือนมิ.ย. โดยทรุดตัวลง 4.0% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2014 หลังจากลดลง 2.8% ในเดือนพ.ค.
  • คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ 9-1 ใน
การประชุมเมื่อวานนี้ ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในช่วง 0.25-0.50% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ ขณะที่เฟดคาดการณ์ว่า
จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป และระบุย้ำว่าจะยังคงจับตาสิ่งบ่งชี้เงินเฟ้อ รวมทั้งพัฒนาการทางการเงิน และ
เศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิดต่อไป

ขณะเดียวกัน เฟดระบุว่าตลาดแรงงานได้แข็งแกร่งขึ้นในเดือนมิ.ย. หลังจากที่ปรับต่ออ่อนแอในเดือนพ.ค. และสิ่งบ่งชี้ อื่นๆ ได้แสดงถึงการขยายตัวของการจ้างงาน ส่วนเงินเฟ้อยังคงซบเซา และจะยังคงอยู่ในระดับต่ำในระยะใกล้ แต่จะปรับตัวสู่ระดับ เป้าหมายที่ 2% ในระยะกลาง

  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน
ของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง และส่งผลให้นัก
ลงทุนวิตกเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด

โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 1 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 41.92 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญา น้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 1.40 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 43.47 ดอลลาร์/บาร์เรล

  • EIA เปิดเผยรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 521.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่
แล้ว สวนทางการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลง 2.3 ล้านบาร์เรล EIA ยังระบุด้วยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น
500,000 บาร์เรล นอกจากนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ก็เป็นปัจจัยถ่วงตลาดน้ำมันด้วยเช่นกัน โดยดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น จะลดความน่า
ดึงดูดของน้ำมัน โดยทำให้สัญญาน้ำมันมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
  • มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ระบุในรายงานว่า ระบบธนาคารเงาของจีนกำลังปกปิดการเพิ่มขึ้นของการก่อหนี้ใน
ประเทศ ทั้งนี้ปริมาณการก่อหนี้โดยรวมในเศรษฐกิจจีนยังคงเพิ่มขึ้น โดยสินเชื่อได้ขยายตัวมากกว่าตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายใน
ประเทศ (จีดีพี) ซึ่งการเพิ่มขึ้นของการก่อหนี้ทั้งหมด และการขยายตัวขึ้นต่อไปของการทำธุรกรรมในระบบธนาคารเงา กำลังทำให้
ความเสี่ยงด้านการเงินเพิ่มสูงขึ้น
  • สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย

(pending home sales) ขยับขึ้น 0.2% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 111.0 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นอันดับ 2 ใน

รอบ 12 เดือน โดยต่ำกว่าระดับสูงสุดของปีนี้ที่ทำไว้ในเดือนเม.ย. แต่เมื่อเทียบรายปีดัชนีเพิ่มขึ้น 1% ในเดือนมิ.ย. ทั้งนี้ ดัชนียัง

คงอยู่สูงกว่าระดับ 100 ซึ่งบ่งชี้ว่ายังมีการขยายตัว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ