น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์เตรียมจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า (2 ส.ค.) พิจารณาเห็นชอบจัดตั้งสถาบันส่งเสริมสินค้าเกษตรนวัตกรรม โดยจะของบประมาณสนับสนุนในการดำเนินการ 5 ปี วงเงิน 750 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายผลักดันสินค้าเกษตรนวัตกรรมออกสู่ตลาดอย่างน้อย 10 รายการ และมีมูลค่าการค้าไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี
สำหรับแผนระยะแรก (ปีที่ 1-3) จะของบประมาณ 300 ล้านบาท เพื่อทำตลาด และทำให้คนไทยรับรู้ถึงคุณค่าทางโภชนาการของข้าวที่มีอยู่มากมาย และสามารถผลิตเป็นสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มได้หลากหลาย หรือเรียกว่า "Super Food" โดยจะนำร่องผลักดันสินค้าใหม่เข้าสู่ตลาดอย่างน้อย 2 รายการ คือ น้ำมันจากข้าว และแป้งจากข้าว
ส่วนแผนระยะที่ 2 (ปีที่ 4) จะใช้งบประมาณ 150 ล้านบาท ขยายเครือข่ายนักวิจัยและนักลงทุนให้มากขึ้น รวมทั้งเพิ่มชนิดของผลิตภัณฑ์ที่จะออกสู่ตลาด และแผนระยะที่ 3 (ปีที่ 5-7) ใช้งบประมาณปีละ 100 ล้านบาท พัฒนามูลนิธิให้เป็นองค์กรมหาชน
สำหรับหน้าที่ของสถาบันฯ จะทำงานโดยใช้หลักการตลาดนำการผลิตตามทฤษฎี Demand Driven เป็นการทำการตลาดเชิงรุก โดยจะเสาะหาความต้องการของตลาด ทั้งในประเทศและต่างประเทศว่าถึงแนวโน้มการบริโภคสินค้า หรือการกระตุ้นให้ผู้บริโภครู้จักคุณค่าของข้าวไทย เพื่อให้เกิดความต้องการบริโภค จากนั้นจะนำมาให้นักวิชาการ นักวิจัย มาค้นคว้าว่าจะสามารถนำข้าวไทยมาผลิตเป็นสินค้าเหล่านั้นได้อย่างไร และจะหานักลงทุนเอางานวิจัยดังกล่าวไปลงทุนผลิตเป็นสินค้าออกขายในตลาด ซึ่งจะสนับสนุนทั้งด้านการเชื่อมโยงให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน อำนวยความสะดวกในการขอมาตรฐานต่างๆ และยังจะช่วยในการทำตลาด เพื่อให้สินค้าที่ผลิตออกมาขายได้
นอกจากนี้ จากการหารือกับหน่วยงาน Grow Asia ที่ให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรอย่างยั่งยืนแก่ประเทศกำลังพัฒนา ภายใต้ World Economic Forum ก็พร้อมจะแนะนำนักลงทุนที่เป็นบริษัทต่างชาติให้นำงานวิจัยของไทยไปผลิตเป็นสินค้าออกจำหน่ายทั่วโลกด้วย
ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า สินค้านำร่อง 2 รายการ ที่จะผลักดันให้มีการวิจัยและนำไปลงทุนผลิตเป็นสินค้านั้น ในส่วนของน้ำมันจากข้าวสามารถผลิตเป็นสินค้าได้หลากหลาย เช่น น้ำมันรำข้าว ซึ่งใช้สำหรับผัด, ทอด, เจียว และจะต่อยอดให้เป็นอาหารเสริมที่จะบริโภคเพื่อลดความดัน ลดเบาหวาน และถ้าจะทำให้ดีขึ้นไปอีก คือ การผลิตเป็นยา ส่วนแป้งจะผลักดันให้ผลิตโปรตีนจากแป้งข้าว เพื่อนำมาทำเป็นอาหารเสริม ยา หรืออาหารสำหรับทารก เด็ก ผู้สูงอายุ นักกีฬา เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันเอกชนไทยเริ่มผลิตได้และมีการวางจำหน่ายในต่างประเทศแล้ว