TMB Analytics คาดส่งออก H2/59 ยังชะลอตัว ส่งผลทั้งปีหดตัว 1.8% แนะพึ่งตลาดสหรัฐ-CLMV

ข่าวเศรษฐกิจ Friday August 19, 2016 15:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics ระบุว่า จากแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่คาดว่ากระเตื้องขึ้นได้อย่างช้าๆ บวกกับปัจจัยเสี่ยงของผู้ประกอบการที่ถูกกระทบในเรื่องการกีดกันการค้าภาวะการแข่งขันสูงในตลาดโลกและปัญหาโครงสร้างการผลิตของไทยที่ปรับตัวไม่ทันการเปลี่ยนแปลงของตลาดโลกทำให้ทางศูนย์วิเคราะห์ฯ คาดการณ์การขยายตัวของการส่งออกในครึ่งปีหลังปีนี้จะหดตัว 1.9% จากผลกระทบด้านราคาสินค้าส่งออกที่คาดว่าจะหดตัวต่อไปได้อีกแต่เป็นอัตราที่น้อยกว่าครึ่งปีแรก จากราคาสินค้าเกษตรที่เริ่มกระเตื้องขึ้นเป็นลำดับจากไตรมาสแรกของปี แม้ว่าจะพบว่าปัจจัยอุปทานมากขึ้นในตลาดโลกในสินค้ามันสำปะหลังและยางพาราที่ถูกแรงกดดันด้านราคาจากอุปทานที่ยังล้นตลาดและความต้องการที่ลดลงจากจีน ส่วนสินค้าข้าวถูกคู่แข่งจากอินเดียและเวียดนามกดราคา ทำให้ทั้งปี 59 นี้การส่งออกของไทยจะหดตัวลง 1.8%

ถึงแม้ทองคำที่ส่งออกมากในช่วงต้นปีช่วยให้มูลค่าการส่งออกกระเตื้องขึ้นในช่วงไตรมาสแรกของปี แต่หากมองในครึ่งปีแรกยังพบว่ามูลค่าส่งออกยังคงติดลบ 1.6% ด้วยผลจากภาวะราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลก และสินค้าโภคภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งทำให้ดัชนีราคาสินค้าส่งออกติดลบ 1.5% และด้วยภาวะเศรษฐกิจของตลาดคู่ค้าสำคัญที่ฟื้นตัวได้ช้า ได้แก่ ตลาดสหภาพยุโรป ญี่ปุ่น จีน อาเซียน 5 ซึ่งมีสัดส่วนรวมกันคิดเป็น 46% ของการส่งออกรวม ส่งผลให้การนำเข้าไปเพื่อการบริโภคมีทิศทางชะลอตัวอยู่

TMB Analytics ระบุว่า แม้ภาพรวมการส่งออกในครึ่งปีหลังจะยังไม่สดใส แต่พบว่ายังมีตลาดส่งออกที่เติบโตได้ดี คือ ตลาดสหรัฐฯ และตลาด CLMV โดยการส่งออกไปสหรัฐอเมริกา คาดว่าปีนี้จะเพิ่มขึ้นได้ 1.9% จากสินค้าหมวดชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ (เพิ่มขึ้น 4.1%) จากอุปสงค์ในสหรัฐที่ยังมีสูง ในขณะที่การส่งออกไปตลาด CLMV คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 6.2% จากสินค้าในหมวด อาหารเครื่องดื่ม สินค้าอุปโภคบริโภคประจำวัน น้ำมันเชื้อเพลิง (เพิ่มขึ้น 7.8%)

หากมองถึงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยด้วยการส่งออกในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จะพบว่าการส่งออกไทยยังคงอ่อนไหว และพึ่งพาเศรษฐกิจโลกในระดับสูง โดยเฉพาะจากตลาดจีน ญี่ปุ่น อาเซียน และมีลักษณะโครงสร้างการผลิตที่อยู่ในระดับต้นน้ำซึ่งมีมูลค่าเพิ่มต่ำ เป็นผู้รับจ้างผลิตมีต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นและไม่สอดคล้องกับแนวโน้มการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานโลก ดังนั้น ทางออกที่ยั่งยืนของการส่งออกไทยในอนาคตที่จะช่วยให้มีการเติบโตอย่างมั่นคงและลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาในตลาดโลก คือ การเน้นพัฒนาห่วงโซ่นี้ให้ก้าวสู่ระดับโลก ซึ่งปัจจุบันรัฐได้มีมาตรการส่งเสริม R&D ในกลุ่มอุตสาหกรรมหรือคลัสเตอร์ที่มีศักยภาพ อาทิ กลุ่มเคมีภัณฑ์ อาหารแปรรูป และอุปกรณ์การแพทย์และเวชภัณฑ์ยา เป็นต้น และการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการเชื่อมต่อการผลิตตั้งแต่ระดับต้นถึงปลายน้ำ หรือที่ถูกเรียกกันว่า Industry 4.0


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ