รมว.คลัง เผยรบ.เล็งเสริมเสาเข็มเปลี่ยนโครงสร้างศก.ไทยให้เข้มแข็งพร้อมรับศก.โลกฟื้นตัว

ข่าวเศรษฐกิจ Monday August 29, 2016 18:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวปาฐกถาในงานสัมมนาสมาคมการค้า ประจำปี 2559 เรื่อง มาตรการส่งเสริมการลงทุนและกระตุ้นเศรษฐกิจว่า การทำงานของรัฐบาลในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ได้ทยอยออกมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยในการสนับสนุนและส่งเสริมการลงทุนของภาคเอกชน โดยรัฐบาลกำลังพยายามผลักดันในอีก 3 เรื่องหลัก ซึ่งจะเป็นพื้นฐานให้กับเศรษฐกิจของไทยต่อไปในอนาคต ประกอบด้วย 1.การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ 2.การลดความเหลื่อมล้ำ และ 3.ความมั่นคงด้านการเงินการคลัง

เรื่องแรก การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐบาลมองว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องเร่งดำเนินการ เพราะหากเศรษฐกิจของประเทศไม่เติบโตหรือติดลบ ก็จะไม่สามารถเดินหน้าในการดำเนินการด้านอื่นต่อไปได้

ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยเติบโตได้เพียง 0.8% เท่านั้น ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาเศรษฐกิจโลกไม่ดี จึงส่งผลต่อเนื่องมายังเศรษฐกิจของแต่ละประเทศให้ปักหัวลงตามกันไป โดยเฉพาะประเทศเศรษฐกิจรายใหญ่ เช่น สหรัฐฯ จีน สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น ซึ่งในท้ายสุดประเทศรายเล็ก เช่น ไทย ก็หนีไม่พ้นที่จะได้รับผลกระทบดังกล่าวด้วย เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังจำเป็นต้องพึ่งพาการส่งออกเป็นสำคัญ ดังนั้นรัฐบาลจึงมีแนวคิดที่ต้องการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตในประเทศด้วยการออกมาตรการส่งเสริมการลงทุน และผลักดันให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนมากขึ้น ซึ่งประเทศที่เริ่มทำก่อนย่อมจะมีความได้เปรียบกว่า เพราะเมื่อถึงเวลาที่เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวก็จะทำให้เรามีพื้นฐานที่พร้อมสำหรับการแข่งขันได้อย่างเต็มที่

"ถ้าเราละเลยไม่สร้างเสาเข็มให้แข็งแรง ผมมองว่าการเสริมเสาเข็มในตอนหลังมันแพงกว่าเยอะ ตอนนี้ต้องเร่งเติมเสาเข็มเข้าไปเพื่อให้เดินต่อได้ ไม่ว่าเขาจะอยากออกแบบบ้านอย่างไร ถ้ามีเสาเข็มที่มั่นคง ก็จะทำให้เดินหน้าต่อได้...การลงทุน ไม่ใช่แค่เรื่องการขยายกำลังการผลิตเท่านั้น แต่ต้องเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตด้วย ถ้ามองว่าตอนนี้ดีมานด์ไม่ดีแล้วไม่อยากลงทุน แล้วหากต่อไปเศรษฐกิจโลกฟื้น แต่เรายังจมอยู่กับการผลิตที่มีประสิทธิภาพต่ำ แล้วเราจะแข่งขันกับโลกได้อย่างไร" รมว.คลัง กล่าว

เรื่องที่สอง การลดความเหลื่อมล้ำ โดยรัฐบาลจะพยายามส่งเสริมให้บริษัทขนาดกลางจนถึงขนาดใหญ่เข้ามาช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดเล็ก ในลักษณะโครงการพี่ช่วยน้อง โดยรัฐบาลได้ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่บริษัทรายใหญ่ที่ให้การช่วยเหลือบริษัทรายเล็ก เพื่อช่วยกันประคับประคองธุรกิจในประเทศให้สามารถดำเนินธุรกิจร่วมกันได้

นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ผลักดันกฎหมายภาษีที่ดิน ซึ่งช่วยลดความเหลื่อมล้ำและก่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ในที่ดินได้มีประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ รวมทั้งมาตรการอื่นๆ เช่น การจัดโครงการลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อย, การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ เป็นต้น

"หัวใจใหญ่ที่สุด ไม่ใช่แค่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในรายได้ แต่ต้องทำให้เขามีโอกาสเท่าเทียมกับคนอื่น ซึ่งนอกจากจะเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนแล้ว ยังเป็นการสร้างโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำในสังคมลงด้วย" นายอภิศักดิ์ระบุ

เรื่องที่สาม ความมั่นคงทางด้านการเงินการคลัง ซึ่งขณะนี้ร่างกฎหมายการเงินการคลัง กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยจะเป็นการวางกรอบการใช้เงินงบประมาณ การกำหนดวงเงินการกู้ยืมในแต่ละครั้ง และการบริหารเงินคงคลัง ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เป็นภาระด้านงบประมาณกับชุดรัฐบาลต่อไปที่จะเข้ามาบริหารประเทศในอนาคต

"นี่คือสิ่งที่รัฐบาลดูแนวหลัก 3 เรื่อง และที่เราพยายามทำคือการสร้างพื้นฐานให้ประเทศ เปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานของประเทศให้ก้าวไปข้างหน้า และสามารถ capture เมื่อเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว เราก็จะได้เป็นประเทศแรกๆ ที่สามารถกระโจนออกไปได้ และเติบโตได้ต่อไป" รมว.คลัง กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ