รมช.พาณิชย์ ชี้ไทยต้องเร่งขับเคลื่อนประเทศด้วยนวัตกรรม-การลงทุนทางเทคโนโลยี เพื่อเข้าสู่ยุค 4.0

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday September 8, 2016 15:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมช.พาณิชย์ กล่าวปาฐกถาภายในงาน Asia Weath Forum : 2560 ทศวรรษใหม่การลงทุน ภายใต้หัวข้อ "โอกาสการลงทุนในโมเดลประเทศไทย 4.0" ว่า การเติบโตของประเทศไทยในอนาคตจะต้องมีการปฏิรูปแนวคิดและกลยุทธ์ในรูปแบบใหม่ โดยจะต้องมีการนำนวัตกรรม เทคโนโลยี และคนมาประยุกต์ใช้ในการปฏิรูป ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การปฏิรูปคนที่เป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องมีการลงทุนด้านทรัพยากรมนุษย์ ปฏิรูปการศึกษา และกระบวนการเรียนรู้ เพื่อทำให้ประชากรในประเทศไทยมีศักยภาพมากขึ้น และนำความรู้จากการศึกษามาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ และสร้างมูลค่าให้กับประเทศ

นอกจากนี้ การจะก้าวเข้าสู่ประเทศไทย 4.0 จะต้องมีการขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมแทนที่สินค้าโภคภัณฑ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เพื่อเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการของประเทศ และลดความเสี่ยงจากความผันผวนที่เกิดขึ้นของเศรษฐกิจต่างประเทศที่ยังมีความไม่แน่นอน อีกทั้งจะต้องปรับเปลี่ยนจากการลงทุนในด้านอุตสาหกรรมเป็นการลงทุนทางด้านเทคโนโลยีมากขึ้น เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและมีความทันสมัย โดยการประสานกันระหว่างนวัตกรรมและเทคโนโลยีจะทำร่วมกันแบบห่วงโซ่ ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ เพื่อความเชื่อมโยงกันอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ดี การที่จะเน้นการขับเคลื่อนนวัตกรรมและเทคโนโลยีจะต้องมีการปฏิรูประบบการวิจัยและพัฒนา (R&D) ให้มีประสิทธิภาพและสามารถนำมาใช้ได้จริงประกอบไปด้วย

นอกจากนี้ การที่จะก้าวทันต่อโลกในยุคใหม่ ประเทศไทยจะต้องเปลี่ยนตัวเองจากการเป็นประเทศที่เศรษฐกิจขับเคลื่อนจากภาคอุตสาหกรรมการผลิตมาเป็นเศรษฐกิจภาคบริการ และจะต้องเป็นภาคบริการที่คุณภาพสูงและมีความโดดเด่น เพื่อเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศ พร้อมทั้งสามารถเชื่อมโยงกับภาคธุรกิจอื่นๆ ได้อย่างดี รวมไปถึงเศรษฐกิจของไทยจะต้องมีการเชื่อมโยงไปกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก แต่จะต้องมีความระมัดระวังและพร้อมรับกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นกับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างดี

รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการก้าวสู่ประเทศไทย 4.0 เพื่อยกระดับเศรษฐกิจของประเทศไทยจากปัจจุบันเป็นประเทศรายได้ปานกลางไปสู่ประเทศร่ำรวย หรือประเทศในโลกที่หนึ่ง ซึ่งจะต้องหลุดจากกับดักที่เผชิญอยู่ 3 ด้าน จากการที่ประเทศไทยในยุค 3.0 ที่เป็นประเทศที่เน้นอุตสาหกรรมหนักและมีความซับซ้อน และพึ่งพิงการส่งออกมาตลอด โดย 3 กับดักที่จะต้องหลุดพ้น เพื่อก้าวเป็นประเทศไทย 4.0 คือ 1. กับดักการเป็นประเทศรายได้ปานกลางและไม่สามารถจะเติบโตไปมากกว่าอดีตได้ เนื่องจากไม่มีการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยหลังปี 40 ถึงปัจจุบันเติบโตในระดับที่ 3-4% จากก่อนหน้าที่เติบโตในระดับ 7-8% 2. กับดักความเลื่อมหล้ำของระดับรายได้ ยังเป็นปัญหาที่สำคัญที่ทำใหิเกิดความขัดแย้งภายในประเทศ เนื่องจากช่องวางของคนรวยและคนจนมีมากเกินไป และ 3. กับดักความเหลื่อมล้ำนี้ส่งผลไปถึงกับดักความไม่สมดุลของธรรมชาติ ที่ประเทศไทยให้ความสำคัญกับการเพิ่มความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจมากเกินไป ส่งผลให้กระทบต่อด้านสังคม คนในประเทศไม่ได้นำความรู้และภูมิปัญญามาใช้อย่างเต็มที่ และกระทบต่อการทำลายสิ่งแวดล้อม โดยทั้ง 3 กับดักดังกล่าวเป็นสิ่งที่ประเทศไทยต้องขจัดออกไปเพื่อก้าวสู่ประเทศไทย 4.0 ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลาประมาณ 3-5 ปี ในการปฏิรูปโครงสร้างต่างๆ ของประเทศ "การปฏิรูปประเทศไทยเพื่อเข้าสู่ยุค 4.0 อย่างเป็นรูปธรรม และทำให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นประเทศที่ร่ำรวยจากประเทศรายได้ปานกลาง จะต้องมีความมุ่งมั่นและความต่อเนื่องที่จะต้องช่วยกันของทุกคนในประเทศร่วมมือกัน ไม่ใช่หวังพึ่งหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งหรือพึ่งภาครัฐ แต่ทุกคนจะต้องช่วยกันถึงจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของประเทศครั้งใหญ่ ซึ่งครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ที่จะทำให้ประเทศไทยมีความร่ำรวย และมีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น" นายสุวิทย์ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ