ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 34.64/66 แข็งค่าจากวานนี้ ขานรับ FED คงดอกเบี้ยตามตลาดคาด

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday September 22, 2016 09:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 34.64/66 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่า จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 34.76 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทปรับตัวแข็งค่า หลังจากเมื่อวานผลประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับเดิม ซึ่งส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ อย่างไรก็ ดี การคงดอกเบี้ยในรอบนี้ยังเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้

"บาทเช้านี้แข็งค่าขึ้น หลังจากที่ FOMC มีมติคงดอกเบี้ยไว้ตามเดิม จึงทำเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง" นักบริหารเงิน
ระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวในทิศทางแข็งค่า มองกรอบที่ 34.55-34.75 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เช้านี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 100.15 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวานนี้ที่ 101.51 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรเช้านี้อยู่ที่ระดับ 1.1190 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวานนี้ที่ 1.1148 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ 34.7930 บาท/ดอลลาร์
  • รมว.คลังปลื้มไอเอ็มเอฟยกเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่งสุดในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ติงลงทุนเอกชนยังอืดเล็งออก
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังพบสัญญาณอ่อนตัว พร้อมคลอดมาตรการช่วยเหลือคนจน คาดใช้เงินพันล้าน
  • นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) ได้เข้าไปดูแลสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นตั้งแต่ต้นปี ด้วยการเข้าไปซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐ เข้ามาเป็นเงินทุนสำรอง
ระหว่างประเทศทำให้เงินทุน สำรองระหว่างประเทศล่าสุดได้เพิ่มขึ้นจาก 150,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 180,000 ล้าน
ดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าว ธปท. อาจไม่ต้องแบกรับภาระขาด
ทุน เนื่องจากเมื่อค่าเงินบาทอ่อนค่าลงหากกรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ จะทำ
ให้ ธปท.ได้กำไรอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น
  • คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) มีมติอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ 7 ต่อ
3 เสียงในการประชุมวันนี้ ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในช่วง 0.25-0.50% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ดี แถลง
การณ์ของเฟดได้ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปีนี้ โดยระบุว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่ง และกิจกรรมทาง
เศรษฐกิจได้ฟื้นตัวขึ้น
  • นักวิเคราะห์มองว่า แถลงการณ์ของเฟดบ่งชี้การขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนธ.ค. ซึ่งจะเป็นการ
ประชุมครั้งสุดท้ายในปีนี้ ขณะที่จะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยในเดือนพ.ย. เนื่องจากไม่ต้องการส่งผลกระทบก่อนการเลือกตั้ง
ประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 8 พ.ย.
  • สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 ก.ย.) หลัง
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.25-0.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ โดยดอลลาร์สหรัฐอ่อน
ค่าลงเมื่อเทียบกับเยนที่ระดับ 100.59 เยน จากระดับ 101.83 เยน ในขณะที่เงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ
1.1173 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1161 ดอลลาร์สหรัฐ
  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน
ของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐร่วงลงอย่างมากในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสอดคล้องกับการเปิดเผยของ
สถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน (API)

โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 1.29 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 45.34 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 95 เซนต์ หรือ 2% ปิดที่ 46.83 ดอลลาร์/บาร์เรล

  • นักลงทุนจับตากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และรัสเซียซึ่งจะจัดการประชุมอย่างไม่เป็นทางการในวันที่ 26-
28 ก.ย.นี้ นอกรอบการประชุมพลังงานระหว่างประเทศ (IEF) ที่แอลจีเรีย โดยที่ประชุมจะหารือการตรึงกำลังการผลิต เพื่อรักษา
เสถียรภาพของราคาน้ำมัน
  • ผู้นำภาคธุรกิจญี่ปุ่นขานรับการปรับนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) โดยมองว่าเป็นความเคลื่อนไหวที่
จะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจ ทั้งนี้ BOJ ตัดสินใจดำเนินนโยบายใหม่ด้วยการกำหนดให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีอยู่ที่
ระดับ 0% เป็นเป้าหมายใหม่ด้านนโยบาย แทนการซื้อสินทรัพย์จำนวนมากที่ดำเนินการตลอด 3 ปีที่ผ่านมา เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและ
ผลักดันเงินเฟ้อสู่ระดับ 2%
  • นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้จะมีการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่าง

งานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาบ้านเดือนก.ค., ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนส.ค.จากคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด, ยอดขายบ้านมือสองเดือน

ส.ค. ส่วนในวันพรุ่งนี้จะมีการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื่องต้นเดือนก.ย.โดยมาร์กิต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ