ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 34.65/66 แกว่งแคบหลังหมดปัจจัยหนุนทิศทาง คาดกรอบพรุ่งนี้ 34.60-34.70

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday September 22, 2016 17:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า ปิดตลาดเย็นนี้เงินบาทอยู่ที่ระดับ 34.65/66 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียง จากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 34.64/66 บาท/ดอลลาร์

วันนี้เงินบาทเคลื่อนไหวแคบๆ โดยอยู่ในกรอบ 34.65-34.73 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากตลาดรับข่าวจากปัจจัยสำคัญไป หมดแล้ว ทั้งการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) และการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งในสัปดาห์นี้ก็ไม่มีปัจจัยอะไรที่ สำคัญแล้ว คงเป็นเพียงติดตามการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ทั่วไปในวันพรุ่งนี้

"วันนี้บาทเคลื่อนไหวแคบๆ ในกรอบ 34.65-34.73 เพราะปัจจัยที่สำคัญๆ ตลาดก็รับข่าวไปหมดแล้ว คงต้องไปรอลุ้น ประชุมเฟดรอบใหม่ในช่วงสิ้นปี คือ เดือนธ.ค.ว่าจะเป็นอย่างไร เพราะรอบ พ.ย.ตลาดมองว่าโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยมีแค่ เพียง 10% เท่านั้น" นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวแคบๆ โดยอยู่ในกรอบ 34.60 - 34.70 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • ช่วงเย็นนี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 100.69 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 100.15 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโร เย็นนี้อยู่ที่ระดับ 1.1231 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1190 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,505.99 จุด เพิ่มขึ้น 18.82 จุด (+1.27%) มูลค่าการซื้อขาย 46,460 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 2,004.44 ลบ.(SET+MAI)
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า สัญญาณล่าสุดจากผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และ
ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ทำให้ตลาดได้ข้อสรุปว่า ภาวะดอกเบี้ยต่ำทั่วโลกจะยังคงอยู่ต่อไปอีกช่วงเวลาหนึ่ง โดยแม้เฟดจะจำเป็น
ต้องเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อรักษาสมดุลของเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่ก็จะใช้ความระมัดระวัง และประเมินสัญญาณเศรษฐกิจเป็นระยะ
  • ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี (TMB Analytics) มองการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดที่จะมีจุดเริ่มต้นในปีนี้ จะส่งผลให้
ค่าเงินบาทอ่อนค่าและเงินทุนไหลออกจากตลาดตราสารหนี้ แต่จะไม่ส่งผลรุนแรงต่อตลาดเงินตลาดทุนไทย และธนาคารแห่งประเทศ
ไทย (ธปท.) จะยังคงดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเช่นนี้ไว้ได้อย่างน้อยถึงกลางปีหน้า
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า ภายหลังจาก FED มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.25 - 0.50% ได้
ส่งผลให้เงินบาทและเงินสกุลภูมิภาคส่วนใหญ่โน้มแข็งค่าขึ้นบ้าง ในส่วนของเงินบาทแข็งค่าขึ้นเพียงเล็กน้อยโดยเป็นการตอบสนองของ
ตลาดในระยะสั้นเท่านั้น แต่ในระยะยาวยังคงต้องติดตามปฏิกิริยาของตลาดต่อไป
  • นักวิเคราะห์จากสถาบันต่างๆได้ออกมาแสดงมุมมองว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่ม
เติมอีกหรือไม่ในวันข้างหน้า หลังจากที่การประชุมเมื่อวานนี้ BOJ ได้ปรับกลยุทธ์ทางการเงินด้วยการประกาศให้อัตราผลตอบแทน
พันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีเป็นเป้าหมายใหม่ด้านนโยบาย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและหนุนอัตราเงินเฟ้อ
  • นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และนายโจ ไบเดน รองประธานาธิบดีสหรัฐ เห็นพ้องต้องกันในการร่วมมือ
ของรัฐบาลทั้ง 2 เพื่อผลักดันให้มีการบังคับใช้ข้อตกลงการค้าเสรีก่อนกำหนดร่วมกับอีก 10 ประเทศในแถบมหาสมุทรแปซิฟิก
  • นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่า เฟดได้ตรึงอัตรา

ดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำเกินไปเพื่อเหตุผลทางการเมือง โดยนางเยลเลนยืนยันว่า เฟดไม่ได้มีการกล่าวถึงประเด็นทางการเมืองในการ

ประชุมนโยบาย มีเพียงปัจจัยทางเศรษฐกิจเท่านั้นที่มีผลต่อการตัดสินใจของเฟดในประเด็นนโยบายการเงิน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ