ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 35.05/09 อ่อนค่าต่อเนื่องหลังตลาดหุ้นร่วงหนัก มองกรอบพรุ่งนี้ 35.00-35.20

ข่าวเศรษฐกิจ Monday October 10, 2016 17:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 35.05/09 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่า จากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 34.91/93 บาท/ดอลลาร์

ตลอดทั้งวันนี้เงินบาทยังคงปรับตัวอ่อนค่า เป็นผลจากดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันนี้ที่ร่วงลงไปแรง โดยเปิดตลาดช่วงเช้าร่วง ลงไปถึง 50 จุด ขณะที่ปิดตลาดช่วงเย็นร่วงลง 47 จุด จากปัจจัยในประเทศเป็นหลัก ประกอบกับมีเงินไหลออก จึงทำให้ทั้งวันนี้เงิน บาทปรับตัวอ่อนค่าลง

"วันนี้บาทอ่อนค่า เป็นเพราะหุ้นร่วงไปเยอะจากปัจจัยในประเทศ และก็มี Out Flow ส่วนทิศทางวันพรุ่งนี้ ก็คงขึ้นกับ ตลาดหุ้น ถ้ายังร่วงต่อ บาทก็คงจะอ่อนค่าได้ต่อ" นักบริหารเงิน ระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 35.00-35.20 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • ช่วงเย็นนี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 103.20 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 102.95/96 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 1.1170 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1190/1193 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,457.02 จุด ลดลง 47.32 จุด (-3.15%) โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 74,143 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,000.56 ลบ.(SET+MAI)
  • ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าการที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงแรงวันนี้น่าจะเกิดจากปัจจัยทางจิตวิทยาที่มีผลเกี่ยวกับ
การลงทุนอื่นๆ ไม่เกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ เพราะตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวได้ฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยทั้งปีนี้ยืนยันว่า GDP
โตได้มากกว่า 3.3% แน่นอน และหากโตได้มากกว่า 3.5% ถือเป็นโบนัส

ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยปิดภาคเช้าอยู่ที่ 1,459.65 จุด ลดลง 44.69 จุด (-2.97%)

  • นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ กล่าวปาฐกถาในงาน "Sino-Thai Business
Investment Forum 2016" โดยระบุว่า เศรษฐกิจโลกกำลังถดถอยและยังไร้วี่แววแห่งการฟื้นตัว เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังเอาแน่ไม่
ได้ว่าจะฟื้นตัวเมื่อไรและจะฟื้นตัวอย่างไร และหากเราดูจากตัวเลขการเติบโตของสหรัฐตลอด 20 ปีที่ผ่านมานี้ ถดถอยลงมาอยู่ที่
ระดับ 1% ในขณะนี้ ฉะนั้นในระยะสั้นคงยากที่จะเห็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากประเทศนี้ หากไม่มีการปฏิรูปอย่างจริงจัง
  • พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถ้อยแถลงการเปิดประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่
2 ระบุว่า วิสัยทัศน์ความร่วมมือเอเชีย ค.ศ. 2030 (ACD Vision 2030) เป็นการประกาศเจตนารมณ์ของผู้นำ ACD ที่จะพัฒนา
เอเชียไปสู่การเจริญเติบโตอย่างครอบคลุมและยั่งยืน มีความเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ มีความมั่นคงและสันติภาพ มีประชาชนเป็นศูนย์
กลาง มีพลวัตรทางนวัตกรรม การวิจัยและพัฒนา มีทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพและขีดความสามารถในการรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ
ของโลก ในอีก 14 ปีข้างหน้า โดยมีเป้าหมายและทิศทางที่จะสร้าง “ประชาคมเอเชีย" ในอนาคต
  • ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ตั้งเป้าที่จะมีมาร์เกตแคปในปี 60 ที่ 2.7 แสนล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าน่าจะ
ทำได้ตามเป้าหมายแน่นอน ขณะที่ยอมรับว่ามาร์เก็ตแคปปีนี้จะทำได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.9 แสนล้านบาทเล็กน้อย ซึ่งเป็นผลมา
จากปัญหาด้านมาตรฐานทางบัญชีใหม่ ซึ่งพบก่อนการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ส่งผลให้มีบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนใหม่มี
ความล่าช้าออกไป
  • ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่จัดทำโดยสำนักข่าว CNN ชี้ว่า นางฮิลลารี คลินตัน ผู้ชิงตำแหน่ง
ประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต สามารถคว้าชัยชนะเหนือ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจาก
พรรครีพับลิกัน ไปด้วยคะแนน 57% ต่อ 34% ในการโต้วาทีรอบที่ 2 ซึ่งจัดขึ้นในวันนี้ที่มหาวิทยาลัยวอชิงตัน รัฐมิสซูรี
  • สภารัฐแห่งจีนได้ประกาศแนวทางว่าด้วยการใช้หนี้สินเปลี่ยนเป็นหลักทรัพย์ (debt-for-equity swaps) ซึ่งเป็น
แนวทางที่ได้มีการหารือมาเป็นเวลานาน พร้อมให้คำมั่นว่า จะดำเนินแผนการ "อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย" ขณะที่จีนอยู่ในระหว่าง
การเดินหน้าเพื่อจัดการกับปัญหาหนี้สินภาคธุรกิจที่มีอยู่สูงมาก
  • ผลสำรวจของหอการค้าอังกฤษระบุว่า ภาคการผลิตของอังกฤษฟื้นตัวขึ้นในช่วงเวลา 3 เดือน หลังจากที่อังกฤษลงมติ
แยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยได้แรงหนุนจากเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลง ทั้งนี้ ผลการสำรวจบริษัทในอังกฤษราว 7,000
แห่ง ระหว่างวันที่ 22 ส.ค.-12 ก.ย. ระบุว่า ดัชนีกลุ่มผู้ผลิตที่รายงานการส่งออกขยายตัวได้ดีขึ้น โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นในไตรมาส
3 สู่ระดับ +17 จากระดับ +9
  • นักลงทุนจับตาการเจรจาระหว่างซีอีโอดอยซ์แบงก์และกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ เกี่ยวกับการลดค่าปรับ 1.4 หมื่นล้าน

ดอลลาร์ เพื่อยุติการสอบสวนในคดีที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ซึ่งเป็นต้นเหตุของวิกฤตการ

เงินโลกในปี 2551


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ