ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 35.03/05 จับตาสหรัฐรายงานเงินเฟ้อ คาดกรอบพรุ่งนี้ 34.90-35.10

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday October 18, 2016 17:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 35.03/05 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่า จากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 35.18/20 บาท/ดอลลาร์

เย็นนี้เงินบาทกลับมาแข็งค่าจากช่วงเช้า เนื่องจากตลาดมีการปรับฐาน ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ประกาศ ออกมาเมื่อคืนนี้ค่อนข้างแย่กว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ดอลลาร์สหรัฐจึงปรับตัวอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นๆ

อย่างไรก็ดี คืนนี้ต้องติดตามการประกาศอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในเดือนก.ย.ซึ่งหากตัวเลขออกมาดี ก็จะช่วยหนุนให้ ดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้น แต่ถ้าออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาดไว้ ดอลลาร์ก็จะอ่อนค่าลง ส่งผลให้เงินบาทมีโอกาสจะแข็งค่าหลุดระดับ 35 บาท/ดอลลาร์ได้

"คืนนี้ คงต้องรอดูสหรัฐฯ รายงานอัตราเงินเฟ้อ เพราะถ้าออกมาดี ก็จะช่วยหนุนให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นไปอีก แต่ถ้าออก มาแย่ บาทบ้านเราก็มีสิทธิจะแข็งค่าหลุดจากระดับ 35 บาทได้" นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 34.90 - 35.10 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • ช่วงเย็นนี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 103.90 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 103.84 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 1.1005/1020 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1015 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,477.54 จุด เพิ่มขึ้น 0.20 จุด (+0.01%) มูลค่าการซื้อขาย 57,714 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 2,380.08 ลบ.(SET+MAI)
  • ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) คาดเศรษฐกิจไทยจะเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยจะขยายตัว 3.2% และ
3.3% ในปี 59 และ 60 ตามลำดับ โดยกำลังซื้อของครัวเรือนมีแนวโน้มดีขึ้นในทุกภูมิภาค จากรายได้ท่องเที่ยวที่ยังคงเติบโตต่อ
เนื่อง และรายได้ภาคเกษตรที่ราคาสินค้าปรับตัวดีขึ้น อีกทั้งยังได้รับผลบวกจากมาตรการส่งเสริมคุณภาพชีวิตเกษตรกรรายย่อย และ
การปรับขึ้นเงินเดือนลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ
  • นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้พูดคุยกับนักลงทุนต่างชาติ
อย่างต่อเนื่องเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับพื้นฐานของตลาดหุ้นไทย โดยยืนยันว่าตลาดหุ้นไทยยังคงแข็งแรง เห็นได้จากปัจจัยพื้น
ฐานที่ยังดีอยู่ ขณะที่ในช่วงนี้ขอให้นักลงทุนติดตามปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะเรื่องการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ที่
จะเกิดขึ้นในเดือน พ.ย. นี้ และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รวมถึงเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ที่ยัง
อยู่ในภาวะฟื้นตัวอย่างช้า ๆ
  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้อัดฉีดเงิน 8 หมื่นล้านหยวน (1.19 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) เข้าสู่ตลาดเงินวันนี้
ผ่านทางข้อตกลงซื้อพันธบัตรโดยมีสัญญาขายคืน (reverse repo) อายุ 7 วัน และ 14 วัน หลังจากที่ได้ดึงเม็ดเงินออกจากตลาด
ทั้งสิ้น 1.745 แสนล้านหยวนไปเมื่อวาน

ทั้งนี้ แบงก์ชาติจีนได้ใช้วิธีการซื้อขายหลักทรัพย์หรือพันธบัตรของทางการ (open market operation) ที่หลาก หลาย เพื่อควบคุมสภาพคล่องในตลาดปีนี้ ซึ่งครอบคลุมถึงการปล่อยกู้ระยะกลาง และการให้คำมั่นว่าจะให้เงินกู้เสริม

  • ธนาคารกลางจีน เปิดเผยว่า ยอดปล่อยกู้ล็อตใหม่สกุลเงินหยวนในเดือนก.ย. อยู่ที่ระดับ 1.22 ล้านล้านหยวน
(ประมาณ 1.813 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งเพิ่มขึ้น 1.643 แสนล้านหยวนเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่ยอดปล่อยกู้
ล็อตใหม่สกุลเงินหยวนในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ระดับ 10.16 ล้านล้านหยวน
  • รมว.คลังญี่ปุ่น กล่าวว่า การสร้างความผันผวนในตลาดปริวรรตเงินตราเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง หลังกระทรวงการ
คลังสหรัฐเปิดเผยว่า ความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์เทียบเยนในตลาดปริวรรตเงินตราเป็นไปอย่างราบรื่น พร้อมแสดงความ
คิดเห็นว่า ตลาดปริวรรตเงินตราที่ผันผวนอย่างรุนแรงและเคลื่อนไหวอย่างไร้ทิศทางนั้น อาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อเศรษฐกิจ ซึ่ง
สอดคล้องกับความคิดเห็นของกลุ่มประเทศ G7 และ G20 โดยญี่ปุ่นจะเร่งพัฒนาตลาดเงินให้มีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น
  • รายงานของ EY ITEM Club ซึ่งเป็นสถาบันด้านเศรษฐกิจของอังกฤษ ระบุว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะสามารถต้านทาน
ผลกระทบจากความไม่แน่นอนอันเนื่องมาจากการถอนตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) ได้ แต่ก็คาดว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะชะลอตัว
ลงในปี 2560 โดยอุปสงค์ภายในประเทศจะซบเซาลงอย่างมากในปีหน้า ซึ่งส่งผลให้อังกฤษต้องพึ่งพาการขยายตัวจากการส่งออกเท่า
นั้น
  • สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ รายงานว่า เงินเฟ้อเดือนก.ย.ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 1% จาก 0.6% ในเดือนส.ค. โดย
ตัวเลขเงินเฟ้อที่มีการเปิดเผยล่าสุดนี้ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย.57ในขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 1.5% ส่วนราคาหน้าโรง
งาน เพิ่มขึ้น 1.2%
  • นักลงทุนติดตามการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ในคืนนี้ เช่น ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) หรืออัตรา

เงินเฟ้อในเดือน ก.ย., สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) รายงานดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนต.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ