เวิลด์แบงก์ เผยไทยติดอันดับ 46 จาก 190 ประเทศที่มีความสะดวกในการประกอบธุรกิจ

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 26, 2016 13:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอูลริค ซาเกา ผู้อำนวยการธนาคารโลกประจำประเทศไทย กล่าวว่า รายงาน Doing Business ได้จัดให้ประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 46 ซึ่งอยู่ใน 50 ประเทศแรกที่มีความสะดวกในการประกอบธุรกิจจาก 190 ประเทศทั่วโลก

โดยรวมแล้ว ประเทศไทยสามารถลดช่องว่างในการดำเนินงานและช่วงห่างจากประเทศชั้นนำต่างๆ โดยได้รับคะแนนจากรายงาน Doing Business 2017 เพิ่มขึ้นเป็น 72.53 คะแนนในปี 60 จากเดิม 71.65 คะแนน

ในปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ดำเนินการปรับปรุงบรรยากาศทางธุรกิจด้วยการดำเนินการปฏิรูป 3 ด้านในปีที่ผ่านมา ได้แก่ การช่วยให้การเริ่มต้นธุรกิจในประเทศไทยสะดวกขึ้นด้วยการสร้างระบบการบริการจ่ายเงินลงทะเบียนไว้ที่จุดเดียวกัน และยังลดระยะเวลาในการขอรับตราประทับของบริษัท นอกจากนี้ ประเทศไทยยังได้ปรับปรุงการเข้าถึงข้อมูลด้านสินเชื่อโดยเริ่มให้ข้อมูลคะแนนสินเชื่อแก่ธนาคารและสถาบันการเงิน รวมถึงทำให้การแก้ไขปัญหาการล้มละลายรวดเร็วขึ้นด้วยการปรับโครงสร้างของบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อมใหม่ และการปรับปรุงกฏระเบียบที่เกี่ยวข้องกับชำระบัญชีของบริษัทให้มีความคล่องตัวมากขึ้น

“ประเทศไทยได้มุ่งมั่นดำเนินการเพื่อช่วยให้การประกอบธุรกิจมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น...ประเทศไทยสามารถปรับปรุงขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้ดียิ่งขึ้นได้ ด้วยการให้ความสำคัญกับการปฏิรูปอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจให้ดีขึ้น นอกจากนี้ การดำเนินการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ การพัฒนาแรงงานให้มีทักษะผ่านการศึกษาที่มีคุณภาพ รวมถึงการส่งเสริมนวัตกรรมใหม่ๆ ยังจะช่วยให้คนไทยมีงานทำและเป็นงานที่ดีขึ้นด้วย"" นายอูลริค กล่าว

ขณะที่ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกมากกว่า 2 ใน 3 จากทั้งหมด 25 ประเทศได้ดำเนินการปฏิรูป 45 เรื่อง ในปีที่ผ่านมาทำให้การประกอบธุรกิจในภูมิภาคนี้มีความสะดวกมากขึ้น เมื่อเทียบกับปีก่อนๆ ซึ่งประเทศต่างๆ ได้ทำการปฏิรูปโดยเฉลี่ย 28 เรื่อง ซึ่งเป็นสัญญาณว่าประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้ได้ดำเนินการปฏิรูปเพิ่มขึ้นเพื่อให้การดำเนินธุรกิจสะดวกยิ่งขึ้น

โดย4 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกที่ได้รับการจัดให้อยู่ใน 10 ลำดับแรกของโลกได้แก่ นิวซีแลนด์ (1) ตามด้วย สิงคโปร์ (2) เขตปกครองพิเศษฮ่องกง (4) และ เกาหลีใต้ (5)

“การที่ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกได้ทำการปฏิรูปในด้านต่างๆ นับเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนากิจกรรมทางธุรกิจให้ดีขึ้น จากที่ได้มีการปฏิรูปที่สำคัญตั้งแต่ปีก่อน เศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้ยังคงมีการปรับปรุงเพื่อให้เกิดบรรยากาศทางธุรกิจที่สะดวกสำหรับผู้ประกอบการในท้องถิ่น" นางริต้า รามาลโฮ ผู้จัดการ รายงาน Doing Business กล่าว

อย่างไรก็ดี ความท้าทายสำหรับภูมิภาคนี้ยังคงอยู่ที่ การเริ่มต้นธุรกิจ การค้าระหว่างประเทศ และการบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง ตัวอย่างเช่น โดยเฉลี่ยแล้ว ประเทศในภูมิภาคนี้ต้องใช้เวลาเฉลี่ยกว่า 57 ชั่วโมงในการดำเนินการตามข้อบังคับเรื่องการค้าระหว่างประเทศในการส่งออก ซึ่งถือว่านานมากเมื่อเทียบกับประเทศในกลุ่มประเทศองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ซึ่งใช้เวลาเพียง 12 ชั่วโมง

ปีนี้นับเป็นปีแรกที่รายงาน Doing Business ได้นำเรื่องความเสมอภาคทางเพศเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการให้คะแนนเพื่อจัดอันดับ โดยมี 3 ตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การเริ่มต้นธุรกิจ การจดทะเบียนสินทรัพย์ และการบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง รายงานพบว่ามีเพียงไม่กี่ประเทศในภูมิภาคนี้ที่ยังมีข้อจำกัดทางเพศใน 3 ตัวชี้วัดดังกล่าว เช่น มาเลเซียและบรูไนดาลุสซาลามที่มีขั้นตอนเพิ่มเติมสำหรับผู้หญิงที่แต่งงานแล้วในการเริ่มต้นธุรกิจ

นอกจากนี้ ตัวชี้วัดเรื่องการชำระภาษียังได้ขยายขอบเขตครอบคลุมขั้นตอนหลังการกรอกข้อมูล อาทิ การตรวจสอบภาษี และการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกมีการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวได้ดี อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อยกเว้นในบางประเทศ เช่น บรูไนดาลุสซาลามและติมอร์ เลสเตยังใช้เวลาในการตรวจสอบภาษีค่อนข้างมาก รวมถึง ตองกาและฟิจิซึ่งใช้เวลาค่อนข้างมากในขั้นตอนการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม


แท็ก ธนาคารโลก  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ