(เพิ่มเติม) กลุ่ม ปตท.ประเมินปี 60 ราคาน้ำมันดิบดูไบ 50-55 เหรียญ/บาร์เรล,ดีมานด์โลกเพิ่ม 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday November 23, 2016 18:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุกฤตย์ สุรบถโสภณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) ในฐานะประธานกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงทิศทางและแนวโน้มสถานการณ์น้ำมันของโลกในปี 60 ว่า กลุ่มบมจ.ปตท. (PTT) ประเมินราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ในระดับ 50-55 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มจากระดับ 40-42 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในปีนี้

ความต้องการน้ำมันดิบของโลกจะเพิ่มขึ้นราว 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน จากสภาวะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว และผลจากราคาน้ำมันที่ทรงตัวระดับต่ำ ส่งผลให้มีการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น ขณะที่ปริมาณการผลิตน้ำมันคาดว่าจะเพิ่มขึ้นราว 6 แสนบาร์เรล/วัน หลังกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) มีแนวโน้มที่จะมีมาตรการควบคุมกำลังการผลิตมากขึ้น ประกอบกับ กำลังการผลิตจากผู้ผลิตนอกโอเปกที่เริ่มฟื้นตัวก็ยังอยู่ในปริมาณจำกัด สภาวะล้นตลาดของน้ำมันดิบจึงเริ่มลดน้อยลง และคาดว่าจะเริ่มเข้าสู่สภาวะสมดุลในช่วงครึ่งหลังปี 60

อย่างไรก็ตาม ทิศทางและราคาน้ำมันหลังปี 60 ยังคงมีความไม่แน่นอนจากปัจจัยที่เกิดจากการตัดสินใจเชิงนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม นโยบายของประเทศหลักของโลก การพัฒนาเทคโนโลยี ตลอดจนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคปัจุบัน ซึ่งเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ ทั้งการซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์ รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า อุปกรณ์เก็บพลังงานประจำบ้าน เป็นต้น การพัฒนาประเทศเข้าสู่ยุค Thailand 4.0 เพื่อให้หลุดพ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลางด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ย่อมมีผลกระทบโดยตรงต่อแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันภายในประเทศด้วย

นายสุกฤตย์ กล่าวอีกว่า การปรับตัวของโรงกลั่นน้ำมัน เพื่อรองรับนโยบาย Thailand 4.0 นั้น เชื่อว่าขณะนี้ธุรกิจโรงกลั่นในไทยสามารถแข่งขันกับโรงกลั่นทุกแห่งในโลกได้ หลังจากที่รัฐบาลได้เปิดลอยตัวราคาน้ำมันตั้งแต่ปี 34-35 และเปิดเสรีโรงกลั่นน้ำมันทำให้ตลาดมีการแข่งขันสูง ซึ่งผู้ประกอบการโรงกลั่นได้ปรับปรุงประสิทธิภาพอยู่ตลอดเวลาในช่วงที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม หากในอนาคตมีเทคโนโลยีที่สามารถวิเคราะห์ได้ว่าการดำเนินการของกลุ่มจำเป็นต้องหยุดผลิตกระทันนั้นก็จะสามารถช่วยลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นได้ โดยแต่ละปีที่ผ่านมากลุ่มโรงกลั่นประสบปัญหาเรื่องการหยุดซ่อมบำรุงนอกแผนกว่า 3 พันล้านบาท/ปี

สำหรับแผนการรับมือกับยานยนต์ไฟฟ้าที่จะเข้ามาในอนาคตนั้น แม้หลายฝ่ายกังวลว่าอาจจะกระทบกับอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันบ้าง แต่กว่าจะถึงจุดที่มีการใช้จำนวนมากน่าจะเป็นในช่วงปี 68 โดยกรณีดังกล่าวอาจจะกระทบต่อการใช้น้ำมันเบนซิน ซึ่งความต้องการใช้คงจะไม่เพิ่มขึ้น แต่จะอยู่ระดับทรงตัวเพราะน่าจะยังมีรถยนต์เก่าใช้งานอยู่

แต่ในส่วนของดีเซลและน้ำมันอากาศยานยังเติบโตได้ โดยกลุ่มโรงกลั่นก็น่าจะหันไปผลิตน้ำมันดีเซลและน้ำมันอากาศยานเพิ่มมากขึ้นเป็นหลัก ส่วนการผลิตน้ำมันเบนซินก็สามารถปรับเปลี่ยนมาเป็นการผลิตเพื่อรองรับการใช้ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีได้ทั้งหมด ท่ามกลางอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่ยังมีโอกาสขยายตัวมาก ซึ่งกรณีดังกล่าวก็จะไม่มีผลกระทบรุนแรงต่อกลุ่มโรงกลั่นน้ำมัน

อนึ่ง วันนี้ PTT ร่วมกับกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันฯของ ส.อ.ท.จัดสัมมนา The Annual Petroleum Outlook Forum 2016 ซึ่งมีทีมนักวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันของกลุ่มปตท. หรือ PRISM ได้ร่วมกับกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันฯ จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 เพื่อนำเสนอข้อมูลและมุมมองเกี่ยวกับราคาน้ำมัน และปัจจัยต่าง ๆ ที่จะส่งผลกระทบกับราคาน้ำมัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ