(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดเงินบาท: เงินบาทเปิด 35.73 อ่อนค่าจากเย็นวานนี้ หลังดอลลาร์แข็งตอบรับข้อมูลศก.สหรัฐดี

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday November 24, 2016 11:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 35.73 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่า จากปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 35.58/59 บาท/ดอลลาร์ หลังดอลลาร์แข็งค่าเนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ประกาศเมื่อคืนนี้ ออกมาดี

"บาทอ่อนค่าจากเย็นวานนี้ หลังดอลลาร์แข็งค่า เนื่องจากตัวเลขสินค้าคงทนที่ประกาศเมื่อคืนนี้ออกมาดี เป็นแรงหนุนให้ ตลาดเชื่อว่าเฟดจะมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นักลงทุนจึงหันมาซื้อดอลลาร์มากขึ้น" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบวันนี้ไว้ระหว่าง 35.65-35.80 บาท/ดอลลาร์

ล่าสุด SPOT อยู่ที่ระดับ 35.7175 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 3M (23 พ.ย.) อยู่ที่ระดับ 1.28252% ส่วน THAI BAHT FIX 6M (23 พ.ย.) อยู่ที่ระดับ 1.52379%

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 112.58 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 111.05 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0530 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.0605 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 35.509 บาท/ดอลลาร์
  • สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (23 พ.ย.)
เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ระบุว่า กรรมการเฟดได้สนับสนุนให้มีการปรับขึ้น
อัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ

โดยดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยนที่ระดับ 112.58 เยน จากระดับ 111.23 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบ ฟรังก์สวิส ที่ระดับ 1.0172 ฟรังก์ จากระดับ 1.0119 ฟรังก์ ขณะที่เงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0545 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0616 ดอลลาร์สหรัฐ

  • ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ประจำวัน
ที่ 1-2 พ.ย. โดยระบุว่าเจ้าหน้าที่เฟดมีความเห็นว่า เป็นเรื่องเหมาะสมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ ตราบใดที่มีข้อมูลบ่งชี้
ว่าเศรษฐกิจยังคงเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่สอดคล้องกับเป้าหมายของคณะกรรมการ FOMC ขณะที่เจ้าหน้าที่บางคนมองว่าการปรับขึ้น
อัตราดอกเบี้ยควรจะมีขึ้นในการประชุมเดือนธ.ค.

ปัจจัยเสี่ยงที่มีต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเงินนั้น อาจจะเพิ่มขึ้น หากตลาดแรงงานอยู่ในภาวะที่ร้อนแรงเกินไป หรืออัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานานเกินไป ขณะที่เจ้าหน้าที่บางคนมองว่า การปล่อยให้อัตราว่างงานลดลงต่ำกว่าระดับปกติ นั้น อาจผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นสู่ระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2% ภายในระยะเวลาที่รวดเร็วขึ้น

  • กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 18,000 รายใน
สัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 251,000 ราย หลังจากอยู่ที่ระดับ 233,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 43 ปี อย่าง
ไรก็ดี จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 90 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่
สุดนับตั้งแต่ปี 1970
  • ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นขั้นสุดท้ายของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นในเดือนพ.ย. แตะ
ระดับ 93.8 โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 91.6 รวมทั้งสูงกว่าระดับ 87.2 ในเดือนต.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นที่พุ่งขึ้นใน
เดือนพ.ย. ได้รับปัจจัยบวกจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 8 พ.ย.
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาด
ใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ดีดตัวขึ้นในเดือนต.ค. โดยพุ่งขึ้น 4.8% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน ต.
ค.2015 หลังจากปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนก.ย. โดยการทะยานขึ้นของยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนมีสาเหตุจากการปรับตัวขึ้นของอุปสงค์
สำหรับเครื่องจักร และอุปกรณ์อื่นๆ

ขณะเดียวกัน ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่าย ของภาคธุรกิจ เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนต.ค. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากลดลง 1.4% ในเดือนก.ย.

  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 พ.ย.) โดยดาวโจนส์ และ S&P500 ทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุด
เป็นประวัติการณ์ติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมอย่างคึกคัก หลังจากมีรายงานว่า ยอดสั่งซื้อสินค้า
คงทนเดือนต.ค.ของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี

อย่างไรก็ตาม ดัชนี NASDAQ ปิดตลาดอ่อนแรงลง เนื่องจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง หลังจากบริษัทฮิวเล็ตแพคการ์ด (HP) รายงานผลประกอบการที่อ่อนแอ โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,083.18 จุด เพิ่มขึ้น 59.31 จุด หรือ +0.31% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,204.72 จุด เพิ่มขึ้น 1.78 จุด หรือ +0.08% ส่วนดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,380.68 จุด ลด ลง 5.67 จุด หรือ -0.11%

  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (23 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการ
ซื้อขาย แม้ว่าอิรักส่งสัญญาณความพร้อมที่จะลดกำลังการผลิตน้ำมันก็ตาม โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 7 เซนต์
หรือ 0.2% ปิดที่ 47.96 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 17 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่
48.95 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (23 พ.ย.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้สร้างแรงกด

ดันต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาด นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำใน

ฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 21.9 ดอลลาร์

หรือ 1.81% ปิดที่ระดับ 1,189.30 ดอลลาร์/ออนซ์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ