(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 35.60/65 แนวโน้มแกว่งแคบ รอดูตัวเลขเศรษฐกิจในปท.-สหรัฐฯ

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday November 30, 2016 11:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 35.60/65 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่า จากช่วงเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 35.69/70 บาท/ดอลลาร์

ในช่วงระหว่างวันนี้คาดว่าเงินบาทจะทรงตัวอยู่ในกรอบแคบๆ เนื่องจากยังรอดูตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือน พ. ย.ของสหรัฐ รวมทั้งรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) จากธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจในประเทศ วันนี้รอดูการรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยประจำเดือน ต.ค. โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

"ระหว่างวัน เงินบาทน่าจะทรงๆ ตลาดคงรอดูตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ คืนนี้ ส่วนบ้านเราก็รอดูรายงาน ภาวะเศรษฐกิจของแบงก์ชาติ" นักบริหารเงิน ระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 35.50-35.70 บาท/ดอลลาร์

ล่าสุด SPOT อยู่ที่ระดับ 35.6292 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 3M (29 พ.ย.) อยู่ที่ระดับ 1.19450% ส่วน THAI BAHT FIX 6M (29 พ.ย.) อยู่ที่ระดับ 1.48732%

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เช้านี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 112.20 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 112.60/62 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรเช้านี้อยู่ที่ระดับ 1.0640 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.0596/0598 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 35.6070 บาท/
ดอลลาร์
  • ธนาคารกสิกรไทย กล่าวถึงแนวโน้มภาพรวมเศรษฐกิจปี 2560 มีแนวโน้มขยายตัวใกล้เคียงกับปีนี้ที่ 3.3% โดยมี
ปัจจัยหนุนจากการใช้จ่ายและการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่คาดว่าจะขยายตัว 8.5% ส่วนการลงทุนภาคเอกชนจะขยาย
ตัว 2.8% ตัวเลขจากนักท่องเที่ยวต่างชาติจะยังเติบโตได้ที่ 4.8% การส่งออกขยายตัว 0.8%
  • นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงแนวโน้มเศรษฐกิจในปีหน้าว่า คาดว่าจะขยายตัวได้ไม่ต่ำ
กว่า 3.4% แต่กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณามาตรการต่างๆ เพื่อให้เศรษฐกิจปีหน้าโตแบบก้าวกระโดดได้ 4.0-4.5%
ซึ่งจะไม่ใช่มาตรการลดหย่อนภาษี แต่เป็นมาตรการที่เน้นรายจ่ายการลงทุนที่จะดำเนินการเบิกจ่ายได้จริงจำนวนมาก รวมถึงภาค
เอกชนก็จะเริ่มกลับมาลงทุนจำนวนมาก เพราะไม่สามารถชะลอการลงทุนได้มากกว่านี้อีกแล้ว
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อยู่ระหว่างศึกษาแนวทางการจัดตั้งกลไกในการเจรจาหนี้ของ สินเชื่อที่ไม่มีหลัก
ประกัน (Unsecured Loan) เช่น สินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล ฯลฯ ร่วมกับทางสมาคมธนาคารไทย เพื่อให้เป็นศูนย์กลาง
ในการจัดการหนี้ ปรับโครงสร้างหนี้ของสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันของทั้งระบบสถาบันการเงิน คล้ายกับหลายประเทศที่มีกลไกดังกล่าว
ไว้แก้ไขปัญหาหนี้ที่ไม่มีหลักประกันเช่นกัน อาทิ มาเลเซีย ที่มีองค์กรในลักษณะนี้แล้ว เป็นต้น
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับการขยายตัวของจีดีพีประจำไตรมาส 3 อยู่ที่
ระดับ 3.2% ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ 2 ปี และสูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 2.9% โดยได้แรงหนุนจาก
ความแข็งแกร่งของยอดส่งออกและการใช้จ่ายผู้บริโภค
  • สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีราคาบ้านของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 5.5% ในเดือนก.
ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2006
  • ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับ 107.1 ในเดือนพ.
ย. หลังจากร่วงลงแตะระดับ 98.6 ในเดือนต.ค.
  • สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลยูโรและปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (29 พ.
ย.) เนื่องจากแรงเทขายทำกำไร ถึงแม้ว่าสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาด โดยเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบ
ดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0642 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0598 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยนที่
ระดับ 112.40 เยน จากระดับ 112.22 เยน
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (29 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนลดความต้องการถือครองทองคำ หลัง
จากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 3 ที่ขยายตัวแข็ง
แกร่งสุดในรอบ 2 ปี และราคาบ้านที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 10 ปี
  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเกือบ 4% เมื่อคืนนี้ (29 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนไม่
มั่นใจต่อผลการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในวันนี้ และรัสเซียปฏิเสธที่จะเข้าร่วมการประชุมในวันนี้ ในฐานะ
ประเทศผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปก
  • นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งรวมถึงตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนพ.ย.จาก ADP,
การใช้จ่าย-รายได้ส่วนบุคคลเดือนต.ค., ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนต.ค. และ
รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
  • นายมีแกน กรีน หัวหน้านักวิเคราะห์ของแมนูไลฟ์ แอสเซท แมเนจเมนท์ กล่าวว่า การลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ในอิตาลีในวันอาทิตย์นี้ จะส่งผลให้เกิดวิกฤตธนาคารอีกครั้งหนึ่งในยุโรป

ทั้งนี้ ชาวอิตาลีจะออกมาใช้สิทธิลงประชามติว่าจะเห็นชอบต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ในวันอาทิตย์นี้ แต่คนส่วนใหญ่ มองว่าการลงประชามตินี้ จะเป็นการลงคะแนนวัดกระแสความไว้วางใจของประชาชนต่อนายมัตเตโอ เรนซี นายกรัฐมนตรีอิตาลี ซึ่ง ได้ประกาศเดิมพันอนาคตทางการเมืองของเขา โดยยืนยันว่าเขาจะลาออกจากตำแหน่ง และล้างมือทางการเมือง หากประชาชนส่วน ใหญ่ลงประชามติคัดค้านการปฏิรูปรัฐธรรมนูญ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ