ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 35.62 แข็งค่าจากแรงขายดอลล์ จับตาตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯ คืนนี้ มองกรอบสัปดาห์หน้า 35.80-36.40

ข่าวเศรษฐกิจ Friday December 2, 2016 17:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 35.62 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจาก เปิดตลาดที่ระดับ 35.65/66 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากมีแรงเทขายดอลลาร์ทำกำไร ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ ระหว่าง 35.62-35.68 บาท/ดอลลาร์

"บาทแข็งค่าหลังมีแรงเทขายดอลลาร์ทำกำไร แต่เคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ รอดูปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญคืนนี้" นัก
บริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงินประเมินกรอบเงินบาทในสัปดาห์หน้าไว้ระหว่าง 35.80-36.40 บาท/ดอลลาร์

"ถ้าตัวเลข non-farm ของสหรัฐฯ คืนนี้ออกมาดีตามคาด และผลการทำประชามติรัฐธรรมนูญอิตาลีไม่เลวร้าย สัปดาห์ หน้าบาทมีโอกาสอ่อนค่าหลุด 36.00(บาท/ดอลลาร์)" นักบริหารเงิน กล่าว

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ 113.73 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 113.68/76 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ 1.0641 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0668/0673 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,501.66 ลดลง -10.72 จุด, -0.71% มูลค่าการซื้อขาย 42,088.85 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 469.39 ล้านบาท (SET+MAI)
  • สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ รายงานภาวะสังคมไทยใน
ไตรมาส 3/59 การว่างงานยังคงทรงตัว โดยมีผู้ว่างงาน 362,513 คน คิดเป็นอัตราการว่างงาน 0.94% เทียบกับ 0.92% ใน
ไตรมาส 3/58 การจ้างงาน ลดลง 0.2% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยการจ้างงานภาคเกษตรลดลง 2.3% เนื่องจากพื้นที่
เพาะปลูกได้รับความเสียหายจากอุทกภัยและเกษตรกรต้องเลื่อนการเพาะปลูกออกไป ทำให้การจ้างงานในภาคเกษตรยังคงลดลงแม้
จะเป็นช่วงเวลาของการเพาะปลูกตามฤดูกาลปกติ แม้ว่าการจ้างงานยังคงลดลงต่อเนื่องแต่มีการเพิ่มชั่วโมงทำงาน สะท้อนกิจกรรม
ในสาขาการผลิตต่างๆ เริ่มมีการปรับตัวในทางที่ดีขึ้น
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงกับ Dr. Frank Tong ประธานเจ้าหน้าที่
บริหาร Hong Kong Applied Science and Technology Research Institute (ASTRI) เพื่อสร้างความร่วมมือด้านการ
รักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) และเทคโนโลยีทางการเงิน (Fintech) เป็นระยะเวลา 3 ปี
  • ธนาคารกลางเกาหลีใต้เปิดเผยในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 ขยายตัว 2.6%
เทียบเป็นรายปี ซึ่งลดลงจากการประมาณเบื้องต้นที่ระดับ 2.7% นอกจากนี้ GDP ไตรมาส 3 ยังชะลอตัวลงจากไตรมาส 2 ซึ่งมีการ
ขยายตัว 3.3%
  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) ดำเนินการอัดฉีดเงินเข้าระบบ 1.6 แสนล้านหยวนผ่านทางข้อตกลงซื้อคืนธบัตรโดยมี
สัญญาขายคืน (reverse repo) อายุ 7 วัน เช่นเดียวกับ 6 หมื่นล้านหยวนผ่าน reverse repo อายุ 14 วัน และ 2.5 หมื่น
ล้านหยวนผ่าน reverse repo อายุ 28 วัน ซึ่งเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันแล้ว โดยมีเป้าหมายเพื่อบรรเทาภาวะสภาพคล่องตึงตัว
  • กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันนี้ ซึ่งจะบ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตรา
ดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในเดือนธ.ค. ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดเป็นครั้งแรกในปีนี้ และเป็นครั้ง
ที่ 2 ในรอบ 10 ปี
  • นักลงทุนติดตามการลงประชามติของอิตาลีเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวันอาทิตย์ที่ 4 ธ.ค.นี้ ซึ่งถ้าเสียงส่วน

ใหญ่คัดค้านแผนการปฏิรูปรัฐธรรมนูญ อาจส่งผลให้นายกรัฐมนตรีอิตาลีต้องลาออกจากตำแหน่ง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ