ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 35.60/62 แนวโน้มแกว่งแคบ ไร้ปัจจัยสำคัญ มองกรอบวันนี้ 35.50-35.65

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday December 6, 2016 09:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบีไทย เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 35.60/62 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียงจากช่วงเย็นวันศุกร์ที่ปิดตลาดที่ระดับ 35.60/62 บาท/ดอลลาร์

วันนี้คาดว่าเงินบาทจะแกว่งอยู่ในกรอบแคบๆ เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยที่จะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินมากนัก ทั้ง ปัจจัยภายในประเทศและต่างประเทศ เป็นเพียงติดตามการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจประจำสัปดาห์ของสหรัฐ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 35.50-35.65 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เช้านี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 113.70 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 113.73 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรเช้านี้อยู่ที่ระดับ 1.0750 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.0641 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 35.6540 บาท/
ดอลลาร์
  • ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสัปดาห์นี้ (6-9 ธ.ค.) ที่ 35.50-35.80 บาทต่อ
ดอลลาร์ฯ โดยตลาดการเงินทั่วโลกน่าจะรอจับตาผลการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญของอิตาลี (4 ธ.ค.) ผลการประชุมนโยบาย
การเงินของ ECB (8 ธ.ค.) ที่อาจมีวาระการพิจารณาขยายเวลาสำหรับโครงการซื้อพันธบัตร ตัวเลขทบทวนจีดีพีไตรมาส 3/59
ของญี่ปุ่น และข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของจีนในเดือนพ.ย. นอกจากนี้ นักลงทุนอาจรอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ดัชนีความ
เชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค. (เบื้องต้น) ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนพ.ย. สต็อกสินค้าภาคค้าส่ง ยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนต.ค.
  • ฟิทช์ เรทติ้งส์ระบุปีหน้ายังเป็นปีที่ยากลำบากของแบงก์พาณิชย์ จากแรงกดดันคุณภาพสินทรัพย์ แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่
บริหารจัดการได้ และจะค่อยลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปในระยะต่อไป ขณะที่ผลประกอบการยังได้รับแรงกดดันจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ
และสินเชื่อที่ขยายตัวได้ไม่ดีนัก
  • กระทรวงการคลัง เตรียมยื่น ครม. ขออนุมัติตั้งกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์มูลค่า 40,000 ล้านบาท เบื้องต้น
กำหนด 3 โครงการมูลค่าการลงทุนรวม 7 หมื่นล้านบาทที่ต้องเจียดรายได้ 50% มาแปลงเป็นหน่วยลงทุน
  • สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ระบุ ตลาดทุนโลกและตลาดทุนไทยในปี 2560 ยังคงมีความ
ผันผวน เนื่องจากมีความไม่แน่นอนจากนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ว่าจะปฏิบัติได้จริงตามการหา
เสียงหรือไม่ และความคืบหน้าการเจรจาระหว่างสหราชอาณาจักร กับสหภาพยุโรป (อียู) จากผลการลงประชามติที่สหราชอาณาจักร
ถอนตัวออกจากอียู (Brexit) รวมทั้งการเลือกตั้งในประเทศสหภาพยุโรปอีกหลายประเทศ ซึ่งกระแสข่าวที่ออกมาสร้างความผันผวน
และทำให้นักลงทุนต้องตื่นตัวตลอดเวลา
  • สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลเงินยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (5 ธ.ค.) โดย
ดอลลาร์ได้รับแรงกดดันจากความผันผวนของดัชนีภาคบริการของสหรัฐ โดยเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ
1.0775 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0659 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยนที่ระดับ 113.75 เยน
จากระดับ 113.74 เยน
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (5 ธ.ค.) เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร
เดือนพ.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าตัวเลขคาดการณ์
  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 ธ.ค.) โดยสัญญาน้ำมัน WTI ปิดที่ระดับสูง
สุดในรอบกว่า 1 ปี เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับมติการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) อย่างไรก็
ตาม สัญญาน้ำมันขยับขึ้นในกรอบที่จำกัด เนื่องจากนักลงทุนบางกลุ่มชะลอการซื้อขาย ก่อนที่การประชุมระหว่างกลุ่มโอเปกและประเทศ
ผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปก จะประชุมร่วมกันในช่วงสุดสัปดาห์นี้
  • นายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก ส่งสัญญาณสนับสนุนการขึ้นอัตราดอกเบี้ย
อย่างค่อยเป็นค่อยไป หากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
  • ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) พบว่า ดัชนีภาคบริการของ ISM ขยายตัวที่ระดับ 57.2
ในเดือนพ.ย. พุ่งขึ้นจากระดับ 54.8 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการขยายตัวในอัตราที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้ว หรือใน
รอบ 13 เดือน รวมทั้งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 55.4

ขณะที่บริษัทไอเอชเอส มาร์กิต เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหรัฐ อยู่ที่ระดับ 54.6 ใน เดือนพ.ย. ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ 54.7 ต่ำกว่าระดับ 54.8 ในเดือนต.ค. และต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 54.8 เช่นกัน

  • นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนต.ค. และผลิตภาพ-ต้น
ทุนแรงงานต่อหน่วยไตรมาส 3/2559 ขณะที่ฝั่งสหภาพยุโรป จะมีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ เช่น ผลิตภัฑณ์มวล
รวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2016 และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน และแถลงมติ
อัตราดอกเบี้ย
  • เงินยูโรแข็งค่าขึ้นหลังจากนายกรัฐมนตรีมัตเตโอ เรนซี ประกาศลาออกจากตำแหน่งตามที่เคยประกาศไว้ว่าเขาจะ
ลาออก หากประชาชนส่วนใหญ่ลงประชามติคัดค้านการปฏิรูปรัฐธรรมนูญ หรือโหวต NO โดยรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อลด
ทอนอำนาจของวุฒิสภา ซึ่งจะทำให้การผ่านกฎหมายเป็นไปได้ง่ายขึ้น อันจะส่งผลให้ประเทศสามารถแข่งขันได้มากขึ้น

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจสร้างความไม่แน่นอนให้กับเศรษฐกิจอิตาลี และอาจเป็นชนวนเหตุให้เกิดความวุ่นวายทาง การเมืองในประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ในยูโรโซน และเป็นอันดับ 4 ในยุโรป

  • ศาลฎีกาแห่งสหราชอาณาจักรได้เริ่มการไต่สวนคดีประวัติศาสตร์ เพื่อตัดสินชี้ขาดว่ารัฐบาลอังกฤษจะสามารถเริ่มต้น
กระบวนการ Brexit โดยไม่ต้องผ่านการพิจารณาเห็นชอบของรัฐสภาได้หรือไม่ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีอังกฤษต้องการที่จะบังคับใช้
มาตรา 50 แห่งสนธิสัญญาลิสบอน เพื่อเริ่มกระบวนการเจรจากับสหภาพยุโรปภายในเดือนมี.ค.ปี 60 แต่ศาลสูงได้มีคำตัดสินในเดือน
ที่แล้วว่าการดำเนินการดังกล่าวต้องผ่านมติของสภา ทำให้รัฐบาลอังกฤษได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาแห่งสหราชอาณาจักร โดยให้เหตุผล
ว่ารัฐบาลต้องเคารพผลการทำประชามติ

ทั้งนี้ หากคณะผู้พิพากษา ซึ่งจะประกาศคำตัดสินในเดือนม.ค.ปีหน้า เห็นชอบกับรัฐบาล ก็จะเป็นการปูทางให้นายก รัฐมนตรีอังกฤษสามารถเริ่มต้นกระบวนการ Brexit โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภา


แท็ก เงินบาท  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ