ภาวะตลาดเงินบาท: เงินบาทเปิด 35.62 แนวโน้มแข็งค่าจากแรงขายดอลล์ ตลาดจับตาผลประชุม ECB-FED

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday December 8, 2016 09:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 35.62 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากปิด ตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 35.64 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากมีแรงเทขายดอลลาร์

"บาทแข็งค่าจากเย็นวานนี้เล็กน้อย หลังดอลลาร์อ่อนค่าตามแรงเทขายทำกำไรหลังจากปรับตัวแข็งค่าขึ้นมามากในช่วง ก่อนหน้านี้" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบวันนี้ไว้ระหว่าง 35.55-35.65 บาท/ดอลลาร์

สำหรับปัจจัยที่ตลาดจับตามองในระยะนี้ คือ ผลประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และกลางสัปดาห์หน้าจะมีการประชุม ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED)

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ 113.67 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 113.90/93 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ 1.0759 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.0715/1.0717 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 35.6600 บาท/
ดอลลาร์
  • ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบจัดทำงบประมาณกลางปี 2560 พุ่งแตะ 190,000 ล้านบาท มาจากการกู้
เงินชดเชยขาดดุล 162,921 ล้านบาท ภาษีและรายได้อีก 27,078 ล้านบาท เพื่อให้กลุ่มจังหวัดใชัพัฒนาเศรษฐกิจภายใน
100,000 ล้านบาท และกองทุนหมู่บ้านกว่า 60,000 ล้านบาท ส่วนช็อปช่วยชาติรอเข้า ครม.สัปดาห์หน้า
  • ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ไฟเขียวร่าง พ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงิน เปิดทาง ธปท.คุมความมั่นคงแบงก์รัฐเต็ม
พิกัด พร้อมให้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาสถาบันมีอำนาจเรียกเก็บเงินจากสถาบันการเงินดูแลธนาคารวิกฤติ
  • ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า โครงการกระจายจุดรับบัตร หรืออีดีซี ตามนโยบายพัฒนาระบบชาระเงิน
แห่งชาติ (เนชั่นแนล อี-เพย์เมนต์) มีแนวโน้มจะเลื่อนกำหนดวางเครื่องอีดีซีจากภายในปี 2559 เป็นปี 2560 เนื่องจากยังคงรอ
หลักเกณฑ์เงื่อนไข (ทีโออาร์) จากกระทรวงการคลังว่าจะออกมาเมื่อใด ซึ่งในข้อกำหนดระบุว่า หลังจากมีการออกทีโออาร์แล้ว จะ
ต้องใช้เวลา 1 เดือน ในการเปิดให้เอกชนเสนอเงื่อนไข
  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดว่ายอดจองห้องพักช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) เดือนธันวาคมนี้
เฉลี่ยทั่วประเทศอยู่ที่ 80-90% เพราะได้ปัจจัยสนับสนุนจากวันหยุดยาวติดต่อกันหลายช่วง ได้แก่ วันที่ 3-5 ธันวาคมที่ผ่านมา และวัน
ที่ 10-12 ธันวาคมนี้ ขณะที่รัฐบาลประกาศวันหยุดเพิ่มเติมช่วงปีใหม่ ทำให้นักท่องเที่ยวไทยทยอยวางแผนและจองห้องพักล่วงหน้าเพิ่ม
ขึ้น ขณะเดียวกันสภาพอากาศที่เริ่มหนาวเย็น ช่วยเอื้อให้เกิดความต้องการเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น

ททท.คาดว่ารายได้ท่องเที่ยวในประเทศในช่วงไตรมาส 4 (ตุลาคม-ธันวาคม) อยู่ที่ 2.19 แสนล้านบาท และทำให้ รายได้ตลอดปีอยู่ที่ 8.59 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.95% จากปี 2558

  • นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ตลท.และ
นักลงทุนอยู่ระหว่างการติดตามปัจจัยที่มีผลกระทบตลาดหุ้นไทยในปี 60 อย่างใกล้ชิด คือ แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ
ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดที่อาจมีความผันผวนมากกว่าปีนี้ และนโยบายของนายโดนัลด์ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐ ว่าจะเป็น
อย่างไร เพราะนโยบายของ ทรัมป์ ที่เน้นกระตุ้นในประเทศจะเป็นตัวกดดันให้เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าตลาดคาดการณ์
  • สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (7 ธ.ค.) เนื่อง
จากนักลงทุนชะลอการซื้อขาย ก่อนที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะประชุมนโยบายการเงินในวันนี้ โดยดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อ
เทียบกับเยนที่ระดับ 113.95 เยน จากระดับ 114.00 เยน ส่วนเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0752
ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0715 ดอลลาร์สหรัฐ
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 ธ.ค.) โดยได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบ
กับยูโร นอกจากนี้ นักลงทุนยังปรับโพสิชั่นการลงทุนก่อนที่การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีขึ้นใน
สัปดาห์หน้า โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 7.4 ดอลลาร์ หรือ 0.63% ปิด
ที่ 1,177.50 ดอลลาร์/ออนซ์
  • ผลการสำรวจระบุว่า หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (CFO) ของภาคเอกชนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น หลังจากที่นายโด
นัลด์ ทรัมป์ คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
  • รัฐบาลญี่ปุ่นได้ปรับลดประมาณการตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาส 3/2559 ลงสู่ระดับ
1.3% จากการประมาณการเบื้องต้นเมื่อวันที่ 14 พ.ย.ที่ระดับ 2.2%
  • นักลงทุนจับตาข้อมูลยอดนำเข้า ส่งออก และดุลการค้าเดือนพ.ย. ที่จะมีการเปิดเผยในช่วงเช้าของวันนี้ นอกจากนี้
นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์, ความเชื่อมั่นผู้
บริโภคเบื้องต้นเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนต.ค.
  • นักลงทุนจับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 13-14 ธ.ค.นี้ ขณะที่ผลสำรวจของ CME Group

FedWatch ระบุว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 93% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นครั้งแรกในปีนี้

และครั้งที่ 2 ในรอบเกือบ 10 ปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ