บลจ.กรุงศรี มองภาพรวมตลาดเงิน-ตลาดทุนปีนี้ยังผันผวน จากความไม่แน่นอนทางศก.-การเมืองในหลายปท.

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday January 19, 2017 14:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.ฉัตรแก้ว เกราะทอง ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนทางเลือก บลจ.กรุงศรี เปิดเผยว่า ภาพรวมของการลงทุนของตลาดเงินและตลาดทุนในปีนี้ ยังมีแนวโน้มที่ผันผวนอย่างต่อเนื่อง จากการปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจของสหรัฐ หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิปดีสหรัฐฯ ในวันที่ 20 ม.ค.นี้ ที่ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายดำเนินธุรกิจ ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจสหภาพยุโรปที่มีแนวโน้มฟื้นตัว แต่ยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเมืองในหลายๆประเทศ โดยจะมีการเลือกตั้งในช่วงครึ่งปีหลังไม่ว่าจะเป็นประเทศฝรั่งเศส เยอรมนี และเนเธอร์แลนด์ ซึ่งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางเศรษฐกิจ หลังการเลือกตั้งใหญ่ที่จะมีขึ้น

สำหรับการเติบโตของเศรษฐกิจโลกปีนี้มีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยคาดว่าจะเติบโตได้ 2.9% จากปีก่อนที่ 2.5% ซึ่งมีการเติบโตที่ดีในทุกๆ ประเทศไม่ว่าจะเป็นประเทศสหรัฐ คาดว่าจะเติบโตได้ 2.2% จากปีก่อนที่ 1.6% สหภาพยุโรปคาดว่าจะเติบโตได้ 1.6% จากปีก่อน 1.5% ประเทศญี่ปุ่นคาดว่าจะเติบโต 0.9% จากปีก่อน 0.8% ขณะที่ประเทศจีน แม้จะมีการเติบโตที่ลดลงมาบ้างแต่จะมีการเติบโตที่มีเสถียรภาพมากขึ้น

ในส่วนของประเทศไทยเอง ปีนี้คาดว่าจะเติบโตได้ราว 3.3% และเงินเฟ้อที่ระดับ 1.5-2% โดยในปีนี้การเติบโตของประเทศจะมาจากนโยบายเร่งรัดการเบิกจ่ายของภาครัฐ ทั้งการลงทุนผ่านโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ ขณะที่ราคาพืชผลทางการเกษตรที่ปรับตัวดีขึ้นจะช่วยให้การบริโภคในประเทศปรับตัวดีขึ้นด้วย นอกจากนี้แนวโน้มการส่งออกของไทยจะกลับมาอยู่ในระดับที่ไม่ติดลบ และอาจจะปรับตัวบวกได้เล็กน้อย ส่วนนักท่องเที่ยวปีนี้คาดว่าจะเข้ามา 3.5 ล้านคน แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามผลกระทบที่จะมีขึ้นจากการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญด้วย

น.ส.ฉัตรแก้ว ยังกล่าวถึงภาพรวมการลงทุนในปีนี้ว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 1,700 จุดได้ โดยคาดว่า EPS จะเติบโต 10% และมี P/E ที่ 14 เท่า แต่อย่างไรก็ตาม ดัชนีตลาดหุ้นไทยต้องผ่านแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1,600 จุดไปก่อน โดยคาดการปรับขึ้นของดัชนีตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง มีโอกาสที่จะได้เห็นในช่วงครึ่งปีแรก

"ระดับดัชนีตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันถือว่าราคาค่อนข้างแพงแล้ว แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะไปต่อได้อีก การลงทุนภาครัฐ และการส่งออกที่มีทิศทางที่ดีขึ้น รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติที่มีแนวโน้มไหลเข้าอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม ยังต้องไปดูดอยมหาชนที่ 1,600 จุด ก็มีความเป็นไปได้ที่จะขึ้นไปถึงระดับ 1,700 จุด"น.ส.ฉัตรแก้ว กล่าว

สำหรับกลุ่มที่น่าสนใจในการลงทุนปีนี้คือ กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการลงทุนภาครัฐ การบริโภคของเอกชน ค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ การท่องเที่ยว ส่งออก และโรงพยาบาล โดยเชื่อว่าปีนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะไม่ปรับลดลงต่ำกว่า 1,500 จุด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ