กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือน ธ.ค.59 ขยายตัว 6.2% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดจะขยายตัว 9.4% โดยการส่งออกมีมูลค่า 18,165 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 17,227 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 10.3% ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 938 ล้านเหรียญสหรัฐ
ขณะที่ทั้งปี 59 (ม.ค.-ธ.ค.59) การส่งออกมีมูลค่า 215,327 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 0.45% เป็นการขยายตัวในรอบ 4 ปี ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 194,668 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว 3.9% และมียอดเกินดุลการค้า 20,659 ล้านเหรียญสหรัฐ
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า สถานการณ์เศรษฐกิจและการค้าโลกในช่วงที่ผ่านมาเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น แม้จะผันผวนบ้างตามช่วงเวลา แต่ตัวเลขปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจสำคัญต่างปรับตัวและมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะสหรัฐฯ จีน และญี่ปุ่น ราคาน้ำมันดิบเริ่มกลับมาทรงตัวอีกครั้ง และค่าเงินบาทยังเคลื่อนไหวในกรอบที่จำกัด รวมทั้งความสามารถในการปรับตัวของผู้ส่งออกไทย ส่งผลให้การส่งออกไทยในเดือน ธ.ค.59 ขยายตัวได้ดีที่ 6.2%
สำหรับสินค้าสำคัญที่เป็นตัวผลักดันการส่งออกในเดือนนี้ ได้แก่ ทองคำ ยางและผลิตภัณฑ์ยาง เม็ดพลาสติก แผงวงจรไฟฟ้า น้ำมันสำเร็จรูป และน้ำตาลทราย ในขณะที่ตลาดส่งออกสำคัญของไทยยังขยายตัวได้ดีในเกือบทุกตลาด ยกเว้น ตะวันออกกลาง ละตินอเมริกา และออสเตรเลีย
ด้านมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ภาพรวมเดือน ธ.ค. 59 ขยายตัว 5.5% (YoY) โดยยางพารา ขยายตัว 36.2% (ส่งออกไปจีน มาเลเซีย และสหรัฐฯ) ผัก ผลไม้สด แช่แข็ง และแปรรูป ขยายตัว 12.8% (ส่งออกไปเวียดนาม สหรัฐฯ และญี่ปุ่น) อาหารสัตว์เลี้ยง ขยายตัว 14.4% (ส่งออกไปสหรัฐฯ อิตาลี และมาเลเซีย) น้ำตาลทราย ขยายตัว 6.2% (ส่งออกไปเมียนมา กัมพูชา และเวียดนาม) และกุ้งสด แช่เย็น และกุ้งแปรรูป ขยายตัว 8.9% (ส่งออกไปสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และเวียดนาม)
ขณะที่ สินค้าเกษตรสำคัญที่หดตัว ได้แก่ ข้าว ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และทูน่ากระป๋อง (ลดลง 7.8% 2.8% และ 2.8% ตามลำดับ) รวมทั้งปี 59 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร หดตัว 3.0%
มูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ภาพรวมเดือน ธ.ค.59 ขยายตัว 5.4% (YoY) โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัวสูง ได้แก่ เม็ดพลาสติก ขยายตัว 11.7% (ส่งออกไปตลาดจีน อินโดนีเซีย และเวียดนาม) เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่นๆ ขยายตัว 27.0% (ส่งออกไปตลาดญี่ปุ่น สหรัฐฯ และจีน) โทรศัพท์และส่วนประกอบ ขยายตัว 44.5% (ส่งออกไปตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และเม็กซิโก)
ขณะที่ สินค้าสำคัญที่หดตัวมาก ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ และวิทยุโทรทัศน์และส่วนประกอบ (ลดลง 26.6% 8.3% 16.9% และ 12.5% ตามลำดับ) รวมทั้งปี 59 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัว 2.0%
สำหรับภาพรวมทั้งปี 59 การส่งออกของไทยมีมูลค่า 2.15 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 0.45% สูงที่สุดในรอบ 4 ปี และสูงเป็นอันดับที่ 8 ของโลก (จาก 30 ประเทศแรกที่มีสัดส่วนส่งออกสูงสุด) อันดับ 4 ของเอเชีย และอันดับ 2 ของอาเซียน ซึ่งดีกว่าค่าเฉลี่ยของโลกที่หดตัว 3.1% และส่วนใหญ่หดตัว โดยเฉพาะ จีน สิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ที่หดตัว 6.4% 5.9% 7.0% และ 12.0% ตามลำดับ
สินค้าสำคัญที่ช่วยให้การส่งออกไทยขยายตัว ได้แก่ ทองคำ ยานยนต์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศ ผลไม้แปรรูป และ แผงโซล่าเซลล์ การส่งออกไปยังตลาดสำคัญที่กลับมาขยายตัว ได้แก่ ญี่ปุ่น (2.5%) สหภาพยุโรป 15 ประเทศ (1.0%) จีน (0.3%) และเอเชียใต้ (1.2%) ขณะที่การส่งออกไปสหรัฐอเมริกา (1.8%) ทวีปออสเตรเลีย (5.4%) และ ลาตินอเมริกา (1.5%) ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากปี 58
"การส่งออกของไทยในช่วงที่ผ่านมาสามารถปรับตัวได้ดีและยังเป็นที่ต้องการของตลาดโลก แม้ในภาวะที่เศรษฐกิจโลกยังอยู่ในช่วงชะลอตัวและอุปสงค์โลกยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ และเชื่อว่าการส่งออกไทยจะสามารถกลับมาขยายตัวได้ตามศักยภาพที่ 5% เมื่อสถานการณ์โลกปรับตัวกลับเข้าสู่ปกติในระยะต่อไป"
ในขณะที่การนำเข้าทั้งปี 59 มีมูลค่า 1.95 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 3.94% ส่งผลให้ไทยเกินดุลการค้ารวม 2.07 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นการเกินดุลการค้าที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์