นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้มีมติเห็นชอบขยายเวลามาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้ขยายเวลามาตรการภาษีออกไปอีก 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 31 ธ.ค.60 โดยมีการปรับเงื่อนไขบางส่วนในเรื่องของจำนวนการหักรายจ่ายจากเดิม 2 เท่าเหลือ 1.5 เท่า เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อฐานะการคลังมากเกินไป
"เรื่องนี้ทางสภาหอฯ สภาอุตฯ ได้ขอร้องให้กระทรวงการคลังขยายระยะเวลาของมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศออกไปอีกเป็นเวลา 1 ปี" นายกอบศักดิ์ กล่าว
โดยครั้งนี้ได้มีการปรับเงื่อนไขการหักรายจ่ายในการคำนวณภาษีจากเดิม 2 เท่าเหลือ 1.5 เท่า กล่าวคือ ส่วนที่เป็นหนึ่งเท่าแรกเป็นการหักเท่าการจ่ายจริง อีก 0.5 เป็นการหักค่าสึกหรอ หรือค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินตามปกติ ได้แก่ การลงทุนในเครื่องจักร ส่วนประกอบอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ การตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ยานพาหนะ อาคารถาวร แต่ไม่รวมถึงที่ดินและอาคารในส่วนที่อยู่อาศัย
ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) คาดการณ์ว่า ในปีนี้มีแนวโน้มที่ภาคเอกชนจะลงทุนราว 8 พันล้านบาท หรือขยายตัวราว 2.8% โดยภาครัฐสูญเสียรายได้ราว 800 ล้านบาท แต่จะกระทบรายได้ในปีงบ 60 ไม่เกิน 100 ล้านบาท เมื่อเทียบกับการลงทุนที่เพิ่มถือว่าเล็กน้อยมาก
"พอคิดถึงโมเมนตั้มที่มีแนวโน้มดีขึ้น กระทรวงการคลังเลยปรับลดอัตราการหักค่าใช้จ่ายลดลงเล็กน้อย เพราะคิดว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่ดีขึ้นแล้ว" นายกอบศักดิ์ กล่าว
นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวจะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันทางเศรษฐกิจของประเทศให้พ้นความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ เพราะขณะนี้มีความเสี่ยงในตลาดเงินจากเรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) , ความเสี่ยงจากนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นต้น โดยมาตรการดังกล่าวจะสอดรับกับมาตรการส่งเสริมการลงทุนภาครัฐ