ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 35.23 ทรงตัวจากช่วงเช้า ตลาดยังรอดูความชัดเจนนโยบายเศรษฐกิจ"ทรัมป์"เพิ่มเติม

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday January 24, 2017 17:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 35.23 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวเท่า กับเปิดตลาดช่วงเช้า ระหว่างวันเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับค่าเงินภูมิภาคในกรอบ 35.20-35.25 บาท/ดอลลาร์ โดยตลาดรอดู นโยบายด้านเศรษฐกิจเพิ่มเติมของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ

"บาทแกว่งตัวในกรอบแคบๆ ตามภูมิภาค ตลาดรอดูนโยบายทรัมป์เพิ่มเติม" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 35.18-35.28 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ 113.34 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 112.95 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ 1.0737 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0749 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,578.82 จุด เพิ่มขึ้น 8.03 จุด, +0.51% มูลค่าการซื้อขาย 62,246.32 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 851.52 ล้านบาท(SET+MAI)
  • กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือน ธ.ค.59 ขยายตัว 6.2% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดจะขยายตัว
9.4% ส่งผลให้การส่งออกของไทยปี 59 ขยายตัว 0.45% สูงที่สุดในรอบ 4 ปี และสูงเป็นอันดับที่ 8 ของโลก หลังสถานการณ์
เศรษฐกิจและการค้าโลกในช่วงที่ผ่านมาเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น แม้จะผันผวนบ้างตามช่วงเวลา แต่ตัวเลขปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจสำคัญ
ต่างปรับตัวและมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะสหรัฐฯ จีน และญี่ปุ่น ราคาน้ำมันดิบเริ่มกลับมาทรงตัวอีกครั้ง และค่าเงินบาทยังเคลื่อนไหว
ในกรอบที่จำกัด รวมทั้งความสามารถในการปรับตัวของผู้ส่งออกไทย

ขณะที่การนำเข้าทั้งปี 59 มีมูลค่า 1.95 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 3.94% ส่งผลให้ไทยเกินดุลการค้ารวม 2.07 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นการเกินดุลการค้าที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์

  • ส่วนการส่งออกของไทยในปี 60 มีแนวโน้มจะปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นกว่าปีก่อน และมีโอกาสขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง
ในอัตรา 2.5-3.5% จากปี 59 การส่งออกขยายตัวราว 0.45% โดยมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญมาจากราคาน้ำมันดิบที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้น
แบบช้าๆ ส่งผลให้แนวโน้มราคาสินค้าเกษตรสำคัญ และสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย
  • ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้มีมติเห็นชอบขยายเวลามาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศตามที่
กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้ขยายเวลามาตรการภาษีออกไปอีก 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 31 ธ.ค.60 โดยมีการปรับเงื่อนไข
บางส่วนในเรื่องของจำนวนการหักรายจ่ายจากเดิม 2 เท่าเหลือ 1.5 เท่า เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อฐานะการคลังมากเกินไป
  • ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้มีมติเห็นชอบของวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 61 วงเงิน 2.9 ล้านล้าน
บาท ลดลงจากปีก่อน 2.3 หมื่นล้านบาท และเป็นการจัดทำงบประมาณขาดดุล 4.5 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 2.8% ของผลผลิตมวล
รวมในประเทศ (GDP)

ภายใต้สมมติฐานอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 61 เติบโต 3.3-4.3% อัตราเงินเฟ้อในช่วง 1.5-2.5% ดุล บัญชีเดินสะพัดเกินดุล 8.4% ของ GDP

  • ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) คาดว่าผลประกอบการในปี 60 จะดีกว่าปีก่อนที่สามารถทำกำไรได้ 4.76 หมื่นล้าน
บาท เป็นผลมาจากการตั้งสำรองลดลงจากปีก่อนที่มีการตั้งสำรอง 2.25 หมื่นล้านบาท และแนวโน้มหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)
ที่จะปรับตัวลดลงหลังจากเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ดีขึ้น
  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะเวลา 1 ปี เป็น 3.1% จากระดับ 3% ซึ่งเป็นอัตรา
ดอกเบี้ยที่ทางแบงก์ชาติจีนใช้ในการบริหารจัดการสภาพคล่อง
  • ญี่ปุ่นได้ปรับเปลี่ยนบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการเจรจาข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) โดย
ปล่อยให้หัวหน้าผู้แทนเจรจาว่างไว้ ภายหลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐได้ลงนามในคำสั่งเพื่อถอนสหรัฐออกจากข้อ
ตกลงดังกล่าว
  • เงินปอนด์ได้พุ่งขึ้นแตะ 1.2527 ปอนด์/ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเวลาประมาณ 16.43 น.ตามเวลาไทย หลังศาลฎีกา
ของอังกฤษได้วินิจฉัยแล้วว่า นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ไม่สามารถประกาศใช้มาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอนของ
สหภาพยุโรป เพื่อเริ่มต้นกระบวนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภาได้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ