สศค.ดีเดย์เปิดตัวผู้ได้รับใบอนุญาตพิโคไฟแนนซ์ 12 ราย 27 ก.พ., ขยายเวลาลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยรอบใหม่

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday February 21, 2017 12:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า วันที่ 27 ก.พ.นี้จะเปิดตัวผู้ได้รับใบอนุญาตปล่อยเงินกู้นอกระบบ (Pico Finance) ซึ่งขณะนี้สามารถออกใบอนุญาตให้ผู้ประกอบการแล้ว 1 ราย และยังมีอีก 11 รายที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติและเอกสารต่าง ๆ เรียบร้อยแล้วจากที่ยื่นขอใบอนุญาตทั้งหมด 82 ราย

"คาดว่าทั้ง 12 ราย จะสามารถออกใบอนุญาตให้ผู้ที่ผ่านการตรวจสอบได้ทั้งหมดและจะเปิดตัวได้ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์นี้"

ทั้งนี้ รัฐบาลต้องการให้มีผู้ประกอบการพิโคไฟแนนซ์อยู่ทุกจังหวัด เพราะแต่ละรายจะสามารถปล่อยเงินกู้ได้เฉพาะในจังหวัดของตัวเอง ซึ่งผู้ประกอบธุรกิจสามารถเรียกเก็บดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมใด ๆ ได้ไม่เกินร้อยละ 36 ต่อปี วงเงินไม่เกิน 50,000 บาทต่อราย ซึ่งจะหลักประกันมีหรือไม่มีก็ได้ โดยปล่อยสินเชื่อให้บริการแก่บุคคลที่มีทะเบียนบ้าน หรืออาศัยหรือทำงาน ภายในจังหวัดที่สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ซึ่งมีกระทรวงการคลังโดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลังเป็นผู้กำกับดูแล และนโยบายดังกล่าวจัดทำขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ

สำหรับการเปิดลงทะเบียนโครงการเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ หรือการลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยครั้งที่ 2 ต้นเดือนเม.ย.นี้ อาจจะขยายเวลาไปจนถึงพ.ค.ซึ่งยืดระยะเวลาจากเดิมให้เฉพาะเดือน เม.ย. เพราะคณะทำงานเห็นว่ามีวันหยุดค่อนข้างมาก โดยในช่วงที่ผ่านมาได้ปรับแบบฟอร์มการลงทะเบียนให้มีความกระชับมากขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกกับประชาชน โดยผู้ที่มีรายได้ต่อปีไม่เกิน 100,000 บาท สามารถลงทะเบียนผ่านสาขาของธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารกรุงไทย เพื่อขอรับสวัสดิการของรัฐ

สำหรับระยะต่อไป ยังอยู่ระหว่างหารือเรื่องสวัสดิการที่จะให้แก่ผู้ลงทะเบียน เบื้องต้นมีแนวคิดออกบัตรสวัสดิการแต่ละสีแบ่งตามระดับรายได้เนื่องจากประชาชนมีรายได้ที่ไม่เท่ากัน ซึ่งเรื่องดังกล่าวกรมบัญชีกลางจะเป็นผู้ดูแลรูปแบบ อย่างไรก็ตามจะพยายามให้สวัสดิการที่เท่าเทียมทั้งประชาชนในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด

ผู้อำนวยการ สศค. กล่าวต่อว่า สำหรับการลงทะเบียนโครงการเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐรอบแรก มีผู้เข้ามาขอลงทะเบียน 8.2 ล้านคน โดยจากการตรวจสอบเป็นผู้มีสิทธิ์จริง 7.7 ล้านคน และได้ดำเนินการจ่ายเงินไปแล้วทั้งหมด 7.5 ล้านคน ส่วนที่เหลือ 200,000 ราย ซึ่งจะไม่ได้รับเงินย้อนหลังแล้วนั้น อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลว่าเพราะอะไรจึงไม่มารับเงิน ส่วนการลงทะเบียนรอบ 2 น่าจะมีจำนวนมากกว่ารอบแรก เพราะผู้ที่ลงทะเบียนรอบแรกแล้วจะต้องมาลงทะเบียนใหม่ด้วย แต่หลังจากได้รับบัตรประจำตัวรอบใหม่นี้แล้วปีต่อไปไม่ต้องมาลงทะเบียนอีก เพียงแต่มาอัพเดตข้อมูลเท่านั้น ซึ่งบางคนอาจจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจนไม่ถือว่าเป็นผู้มีรายได้น้อยอีกก็ได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ