TMB Analytics คาดสินเชื่อแบงก์พาณิชย์ทั้งระบบปีนี้กลับมาโต 6% หลังชะลอมา 5 ปีติดต่อกัน มอง NPL สูงสุดช่วง Q2/60

ข่าวเศรษฐกิจ Friday February 24, 2017 17:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี (TMB Analytics) คาดปีนี้สินเชื่อทั้งระบบของธนาคารพาณิชย์จะกลับมาเติบโตในระดับสูงถึง 6% ได้อีกครั้ง หลังจากชะลอตัวมา 5 ปีติดต่อกัน แต่ต้องระมัดระวังในเรื่องสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จะถึงจุดสูงสุดช่วงกลางปีนี้ไว้ด้วย

"ศูนย์วิเคราะห์ฯ คาดว่า สินเชื่อรวมของธนาคารพาณิชย์จะทะยานกลับมาเติบโตได้ในระดับสูงที่ 6.3% ได้อีกครั้ง โดยสินเชื่อภาคธุรกิจเติบโต 6.0% ในขณะที่สินเชื่อรายย่อยจะกลับมาเติบโตได้ที่ 7.1%" เอกสารเผยแพร่ ระบุ

TMB Analytics มองว่า ปัจจัยเรื่องดอกเบี้ยต่ำเพียงอย่างเดียวคงจะไม่เพียงพอที่จะผลักดันให้สินเชื่อกลับมาทะยานได้ แต่หากจำเป็นที่จะต้องใช้อีก 4 ปัจจัยเพิ่มเติมมาช่วยขับเคลื่อนให้สินเชื่อกลับมาเติบโตได้ในปี 2560 นี้

ปัจจัยแรก คือ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐจะขับเคลื่อนสินเชื่อธุรกิจ และเริ่มเห็นผลชัดเจนในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง รถไฟรางคู่ มอเตอร์เวย์ เป็นต้น คาดว่าจะเห็นเม็ดเงินในปีนี้เกือบ 2 แสนล้านบาท โดยอุตสาหกรรมที่ได้รับอานิสงส์ ได้แก่ รับเหมาและวัสดุก่อสร้าง จากนั้นจะส่งผลดีไปยังอุตสาหกรรมที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) เช่น อุตสาหกรรมการผลิต รวมถึงผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งรวมแล้วคิดเป็นสัดส่วน 50% ของสินเชื่อธุรกิจทั้งหมด

ปัจจัยที่สอง คือ การเติบโตของการท่องเที่ยวตามแนวโน้มการเข้ามาของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติคาดว่าเป็นจำนวนทั้งสิ้น 35 ล้านคนเพิ่มขึ้นจากปี 2559 กว่า 7% ส่งผลดีให้กับอุตสาหกรรมบริการและค้าปลีก ซึ่งจะได้รับการจับจ่ายใช้สอยที่เพิ่มขึ้น

ปัจจัยที่สาม คือ กำลังซื้อของผู้บริโภคโดยเฉพาะแถบภูมิภาคซึ่งรายได้ที่เริ่มจะกลับมาจากการปรับตัวดีขี้นของราคาสินค้าเกษตร ได้แก่ ยางพารา (เพิ่มขึ้น 24%) และอ้อย (เพิ่มขึ้น 30%) จากความต้องการของตลาดโลกที่สูงขึ้นและราคาน้ำมันปรับตัวดีขึ้น นำมาซึ่งกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นในการจับจ่ายใช้สอย โดยเฉพาะการบริโภคสินค้าคงทน เช่น รถยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า ดังนั้น สินเชื่อที่ได้รับอานิสงส์ ได้แก่ สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ (เพิ่มขึ้น 3%) สินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิต (เพิ่มขึ้น 7%) นอกจากนั้นแล้ว กำลังซื้อของภาคเอกชนที่กลับมาอีกครั้งจะส่งผลให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) โดยเฉพาะประเภทการค้าและบริการกลับมาฟื้นตัว และสินเชื่อSME กลับมาเติบโตดีขึ้นอีกครั้งหลังจากปีที่ผ่านมาเติบโตชะลอตัวเหลือเพียง 1.4% จาก 6% ในปีก่อนหน้า

และปัจจัยสุดท้าย ได้แก่ อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรที่เริ่มปรับสูงขึ้นจากผลของธนาคารกลางสหรัฐฯ เริ่มปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น ซึ่งศูนย์วิเคราะห์ฯ มองว่าอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาล 10 ปีน่าจะปรับขึ้นไป 50 basis point จากสิ้นปีที่แล้ว โดยหนึ่งเดือนที่ผ่านมาผลตอบแทนได้ขยับขึ้นไปแล้ว 6 basis point ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ปรับเพิ่มขึ้น ธุรกิจขนาดใหญ่เริ่มกลับเข้ามาใช้สินเชื่อในการดำเนินธุรกิจอีกครั้งหลังจากในปีที่แล้ว ธุรกิจประเภทโทรคมนาคมและอสังหาริมทรัพย์ หันไประดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้และตราสารทุนจนสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ไม่เติบโต

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้สินเชื่อจะกลับมาเติบโตได้ดี คุณภาพสินเชื่ออาจจะต้องถูกเฝ้าระวัง โดย NPL ซึ่งเป็นลมต้านจะยังคงปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องมาจากช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวเมื่อประมาณช่วงปี 2557 และ 2558 ซึ่งตอนนั้นเศรษฐกิจขยายตัวได้เพียง 0.7% และ 2.8% ตามลำดับ

"จากผลการศึกษาของ TMB Analytics พบว่า หลังจากที่วัฏจักรเศรษฐกิจถึงจุดต่ำสุดแล้ว วัฏจักร NPL จะใช้เวลาประมาณ 18 เดือนจะแตะจุดสูงสุด ซึ่งคาดว่า NPL น่าจะสูงสุดในช่วงประมาณไตรมาส 2 ของปีนี้ที่ระดับ 3% คิดเป็นมูลค่ากว่า 4.2 แสนล้านบาท จากนั้นจะทยอยปรับตัวดีขึ้นจนขยับลงมาอยู่ที่ระดับ 2.7% ในช่วงสิ้นปี หลังจากนั้นวัฏจักรของ NPL จะอยู่ในช่วงขาลง ซึ่งจะส่งผลดี ไม่เพียงแต่อุตสาหกรรมธนาคารเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณที่ดีต่อภาคเศรษฐกิจโดยรวม เพราะ ความเสี่ยงในด้านสินเชื่อที่ลดลง หมายถึงบริษัทจะเข้าถึงสินเชื่อได้เพิ่มขึ้น นำมาซึ่งการสร้างรายได้ที่เติบโต และส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย" เอกสารเผยแพร่ ระบุ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ