ภาวะตลาดเงินบาท: เย็นนี้อยู่ที่ 34.44/47 แกว่งแคบ-ไร้ปัจจัยใหม่ คาดกรอบพรุ่งนี้ 34.40-34.52

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday March 30, 2017 16:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทช่วงเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 34.44/47 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจาก ช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 34.40 บาท/ดอลลาร์

ตลอดทั้งวันนี้เงินบาทยังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ โดยระหว่างวันเงินบาท High สุดที่ระดับ 34.51 บาท/ดอลลาร์ และ Low สุดที่ระดับ 34.46 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากการซื้อขายวันนี้ค่อนข้างเบาบาง ประกอบกับไม่มีปัจจัยใหม่ที่มีผลต่อตลาดเงิน มากนัก

"วันนี้บาทอยู่ในกรอบแคบๆ เพราะไม่มีปัจจัยอะไรใหม่ flow ก็เบาบาง" นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 34.40-34.52 บาท/ดอลลาร์

ล่าสุด THAI BAHT SPOT RATE FIXING อยู่ที่ระดับ 34.4783 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • ช่วงเย็นนี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 111.00 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 111.39 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรช่วงเย็นอยู่ที่ระดับ 1.0732 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0753 ดอลลาร์/ยูโร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เชื่อว่ามีโอกาสที่เศรษฐกิจไทยในปี 60 จะขยายตัวได้ถึง 4% จากอานิสงส์
ของภาคการส่งออกที่มีแนวโน้มว่าจากนี้ไปจะขยายตัวเป็นบวกต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ดี ขณะนี้กระทรวงการคลังยังคาดการณ์แนวโน้ม
เศรษฐกิจไทยปีนี้ว่าจะขยายตัวได้ 3.6% ตามเป้าหมาย โดยการขยายตัวจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่จะชัดเจนมากขึ้นในช่วง 2-
3 ไตรมาสสุดท้ายของปี ส่วนการเติบโตในช่วงครึ่งปีแรกนั้น ประเมินว่ายังเป็นไปตามคาดการณ์เช่นเดียวกัน
  • สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนกุมภาพันธ์ 2560 ขยายตัวได้ดีจากการใช้
จ่ายภาคเอกชน สะท้อนจากเครื่องชี้การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนส่วนใหญ่ส่งสัญญาณดีขึ้น นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยด้านการ
ผลิต ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคการเกษตรสะท้อนจากดัชนีผลผลิตและราคาสินค้าเกษตรกรรมที่ขยายตัวได้ดี ส่งผลทำให้รายได้
เกษตรกรที่แท้จริงที่ขยายตัวในระดับสูงต่อเนื่อง
  • กระทรวงการคลัง เปิดเผยผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2560 (ตุลาคม
2559 – กุมภาพันธ์ 2560) พบว่า รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 876,275 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ
14,190 ล้านบาท หรือ 1.6% มีสาเหตุจากการจัดเก็บรายได้ของหน่วยงานอื่น และการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจ สูงกว่าประมาณ
การ 20,902 และ 11,512 ล้านบาท หรือ 34.0% และ 22.5% ตามลำดับ สำหรับภาษีที่จัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมาย ได้แก่ ภาษี
เงินได้นิติบุคคล ภาษีน้ำมัน และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังคงคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปี 60 ไว้ที่ 3.3% ตามเดิม
โดยมองว่าการลงทุนภาครัฐและการลงทุนภาคเอกชน ตลอดจนภาคการท่องเที่ยว ยังเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ
ไทยในปีนี้ ขณะเดียวกันได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การส่งออกปีนี้เป็นโต 2% จากเดิมที่คาดว่าจะโตได้ 0.8% พร้อมทั้งปรับเพิ่มการนำเข้าปี
นี้เป็นโตได้ 5% จากเดิมคาดโตได้ 2% ส่วนอัตราเงินเฟ้อในปีนี้ ปรับลดลงเหลือ 1.5% จากเดิมที่คาดไว้ 1.8%
  • สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) คาดว่าการส่งออกในไตรมาส 1/60 จะเติบโต 1-2% เมื่อเทียบ
กับช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังจากการส่งออกในเดือน ก.พ.60 หดตัว 2.76% เนื่องจากฐานการส่งออกที่มีมูลค่าสูงในเดือน ก.
พ.59 จากการส่งออกทองคำและสินค้าหมวดอาวุธและอากาศยานมากกว่าปกติ

แม้ว่าปีนี้การส่งออกจะมีโอกาสเติบโตสูงกว่าปีก่อน แต่ยังคงมีความไม่แน่นอนและความผันผวนอันเนื่องมาจากปัจจัยเสี่ยง ที่น่าเป็นห่วงอีกหลายประการ ดังนั้น สรท.จึงยังคาดการณ์การส่งออกไทยปีนี้ว่ายังคงเติบโตได้ 2-3%

  • ธนาคารกลางจีนได้ระงับการดำเนินงานทางตลาดเงิน (Open Market Operations) หรือ OMO ผ่านทางข้อ
ตกลงซื้อคืนพันธบัตรโดยมีสัญญาขายคืน (reverse) ในวันนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะระบายสภาพคล่องออกจากตลาด วันนี้นับเป็นวันที่ 5
ติดต่อกันที่ธนาคารกลางจีนได้ระงับการทำธุรกรรม OMO ผ่านทางข้อตกลง reverse repo ซึ่งเป็นกระบวนการที่ธนาคารกลางเข้า
ซื้อหลักทรัพย์จากธนาคารพาณิชย์ด้วยข้อตกลงที่จะขายคืนในอนาคต
  • ประธานาธิบดีฝรั่งเศส แสดงความกังวลว่าการที่อังกฤษถอนตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) จะส่งผลกระทบทาง
เศรษฐกิจต่อทั้งอังกฤษและยุโรป เพราะการตัดสินใจดังกล่าว เป็นการผลักดันให้เศรษฐกิจยุโรปขับเคลื่อนไปในทิศทางที่แตกต่างจากที่
เคยเป็น นอกจากนี้ ประธานาธิบดีฝรั่งเศสคาดว่าอังกฤษจะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับสหภาพยุโรปได้ภายในระยะเวลา 2 ปี
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ระบุผ่านแถลงการณ์ทางเว็บไซต์ว่า สหรัฐจะเดินหน้าผลักดันให้จีนยังคงเป็นประเทศที่
มี "ระบบเศรษฐกิจที่มิใช่ระบบตลาด" ซึ่งจะทำให้สหรัฐสามารถตั้งภาษีสินค้าที่นำเข้าจากจีนได้สูงขึ้นในอนาคต
  • นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตร

มาส 4/2559 (ประมาณการครั้งสุดท้าย), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วน

บุคคล (PCE) เดือนก.พ., รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนก.พ. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ