ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 34.40/42 อ่อนค่าเล็กน้อยตามแรงซื้อ-ขาย คาดกรอบพรุ่งนี้ 34.20-34.45

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday April 4, 2017 17:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 34.40/42 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่า จากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 34.34 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลงจากช่วงเช้า แต่ไม่ได้มีนัยสำคัญมากเนื่องจากเป็นแรงซื้อ-ขายตามปกติ ซึ่งวันนี้ยังไม่มีปัจจัย สำคัญที่จะมีผลต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทเท่าใดนัก ซึ่งนักลงทุนคงรอดูช่วงปลายสัปดาห์ที่จะมีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ ของสหรัฐ เช่น จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร และรายงานคณะกรรมการกำหนด นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC)

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 34.20-34.45 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • ช่วงเย็นนี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 110.45/47 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 110.64 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0657/0660 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0670 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,583.82 จุด เพิ่มขึ้น 2.96 จุด (+0.19%) โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 37,273 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 91.23 ลบ.(SET+MAI)
  • พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จะลงนาม
คำสั่งทางปกครองให้ตรวจสอบประเทศที่สหรัฐอเมริกาขาดดุลการค้า 16 ประเทศ ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วยว่า ได้สั่งการให้นายสม
คิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นัดประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมการรับมือแล้ว และจะต้องรอดูว่าอีก 15 ประเทศ
จะมีท่าทีในเรื่องนี้อย่างไร
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ดัชนีภาวะเศรษฐกิจของครัวเรือน (KR-ECI) เดือนมี.ค.60 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่
ระดับ 45.0 จากเดิมที่ระดับ 45.3 ในเดือนก.พ.60 ขณะที่ดัชนีสะท้อนมุมมองคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า (3-month Expected
KR-ECI) ปรับตัวดีขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 สะท้อนถึงความกังวลที่ลดลงของครัวเรือนต่อเศรษฐกิจไทยในอนาคต โดยเฉพาะใน
ประเด็นเรื่องค่าใช้จ่ายและภาระหนี้สิน แต่อย่างไรก็ดี ยังคงต้องติดตามสถานการณ์ทางด้านราคาสินค้า โดยเฉพาะราคาสินค้า
สาธารณูปโภคที่อาจจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นในระยะข้างหน้า
  • กรมบัญชีกลาง เผยผลการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2560 ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.59 - 31 มี.ค.60 (สิ้น
ไตรมาสที่ 2) พบว่า มีการเบิกจ่ายงบประมาณภาพรวมได้ 1,452,660 ล้านบาท ของวงเงินงบประมาณ 2,733,000 ล้านบาท
หรือคิดเป็น 53.15% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมาย 1.15% (เป้าหมาย 52%) และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 1.24% (ปีก่อนเบิกจ่ายได้
51.91%)
  • สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกในยูโรโซนเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนก.พ. เมื่อ
เทียบรายเดือน นอกจากนี้ เมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกในยูโรโซนเพิ่มขึ้น 1.8%
  • ธนาคารกลางออสเตรเลียมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.5% ในการประชุมวันนี้ ขณะที่เศรษฐกิจโลกส่งสัญญาณว่าอยู่ใน
ช่วงขาขึ้น
  • กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เตือนว่า การชะลอตัวของผลิตภาพที่ปรากฏให้เห็นตั้งแต่วิกฤติการเงินปี
2551 อาจเป็นภัยคุกคามต่อเสถียรภาพทางการเงินและสังคมในบางประเทศ ทั้งนี้ IMF ได้เผยแพร่รายงานวิจัยโดยระบุว่าการเพิ่ม
ขึ้นของประชากรผู้สูงอายุ, การชะลอตัวทางการค้าทั่วโลก และผลกระทบจากวิกฤติการเงินโลกที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขนั้น เป็น
อุปสรรคหลัก 3 ประการที่บั่นทอนการเติบโตของผลิตภาพ โดยผลกระทบจากวิกฤติการเงินนั้นเป็นปัจจัยสำคัญ
  • รมว.เศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า คำสั่งพิเศษของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี
สหรัฐให้พิจารณาสาเหตุการขาดดุลทางการค้าของสหรัฐนั้น ไม่มีแนวโน้มว่าจะส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างญี่ปุ่น-สหรัฐ โดยยืนยันว่า
ญี่ปุ่นไม่ได้เลือกปฏิบัติต่อผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ และไม่มีการกีดกันทางการค้า ทั้งนี้ ระบบการค้าของญี่ปุ่นเปิดกว้างอย่าง
เต็มที่
  • ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ จะหารือกันในวันที่ 6-7 เม.ย.นี้ โดย
การประชุมครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกของผู้นำทั้ง 2 ประเทศ หลังจากที่ปธน.ทรัมป์เข้าดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐเมื่อวันที่ 20 ม.ค. โดย
คาดกันว่า ผู้นำทั้ง 2 จะร่วมกันหารือในประเด็นเกี่ยวกับโครงการขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ประเด็นการอ้างสิทธิ
ในพื้นที่ทะเลจีนใต้ของจีน และประเด็นปัญหาการค้าในระดับทวิภาคี

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ