พพ.เผย 450 อาคารเข้าร่วมอนุรักษ์พลังงานตามกฎกระทรวง ประหยัดค่าไฟ 780 ล้านบาท

ข่าวเศรษฐกิจ Monday April 17, 2017 09:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายประพนธ์ วงษ์ท่าเรือ อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เปิดเผยว่า พพ.ได้ดำเนินการตามกฎกระทรวงกำหนดประเภท หรือขนาดของอาคารและมาตรฐาน หลักเกณฑ์ และวิธีการในการออกแบบอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน 2552 หรือ Building Energy Code (BEC) โดยร่วมกับกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย เพื่อเตรียมบังคับใช้ใน 9 ประเภทอาคาร ได้แก่ สถานพยาบาล สถานศึกษา สำนักงาน อาคารชุด อาคารชุมนุมคน (หอประชุม) โรงมหรสพ โรงแรม อาคารสถานบริการ และอาคารศูนย์การค้าหรือห้างสรรพสินค้า จะต้องออกแบบอาคารภายใต้เกณฑ์ BEC ดังกล่าว

โดยจะนำร่องกับอาคารขนาดใหญ่พื้นที่ตั้งแต่ 10,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) ขึ้นไปก่อนในต้นปี 61 และทยอยบังคับใช้กับอาคารพื้นที่ตั้งแต่ 5,000 ตร.ม.ภายในปี 62 และตั้งแต่ 2,000 ตร.ม.ในปี 63 อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา พพ.ได้ผลักดันให้มีการออกแบบอาคารเพื่ออนุรักษ์พลังงานตามเจตนารมย์ของกฏหมายดังกล่าว จึงได้นำร่องให้อาคารใหม่ที่มีขนาดตั้งแต่ 2,000 ตร.ม.ขึ้นไป จะต้องมีการออกแบบและก่อสร้างอาคารภายใต้เกณฑ์ BEC ตั้งแต่ปี 52 จนถึงปัจจุบันรวมแล้ว 450 อาคาร

"เราได้ขอความร่วมมือให้อาคารรัฐและเอกชนส่งแบบอาคารมาให้ พพ. ตรวจประเมินเพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมย์ของ BEC ตั้งแต่ปี 52 จนถึงปัจจุบันแล้ว 450 อาคาร โดยเป็นอาคารใหม่มีพื้นที่ตั้งแต่ 2,000 ตร.ม.ขึ้นไป แบ่งเป็นอาคารรัฐ 378 อาคารอาคารเอกชน 72 อาคาร ส่งผลให้เกิดการประหยัดไฟฟ้าได้สูงถึงประมาณ 225 ล้านหน่วย คิดเป็นผลประหยัดได้ 780 ล้านบาท รวมทั้งยังได้ช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นสาเหตุหลักของปัญหาโลกร้อนได้สูงถึง 1.3 แสนตันคาร์บอนอีกด้วย"นายประพนธ์ กล่าว

ทั้งนี้ พพ. ได้เตรียมแผนงานเพื่อผลักดันมาตรการต่าง ๆ ให้เกิดเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายที่มีการบังคับใช้ ได้ร่วมมือกับกรมโยธาธิการและผังเมือง ในการแก้ไขกฎกระทรวง พร้อมกับการเข้าไปดำเนินการตรวจสอบสภาพอาคารที่ได้รับการตรวจประเมิน และที่ได้รับใบรับรองแล้ว เพื่อติดตามสถานภาพการก่อสร้างว่าเป็นไปตามเงื่อนไขการรับรองหรือไม่

รวมทั้งจะร่วมมือกับสถาบันการศึกษาในการนำองค์ความรู้ด้านการออกแบบอาคารประหยัดพลังงานไปเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรในการเรียนการสนอบของนักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์อีกด้วย ซึ่งปัจจุบันได้นำร่องไปแล้ว 6 แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยรังสิต มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ