"พาณิชย์"เดินหน้าเปิดตลาดสินค้าประมงอินทรีย์ให้กับผู้ผลิตในต.แหลมฟ้าผ่า

ข่าวเศรษฐกิจ Sunday April 23, 2017 09:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.รัตนา เธียร์วิศิษฎ์สกุล ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะกำกับดูแลพาณิชย์ภาค 4 (จังหวัด สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ชลบุรี ระยองและตราด) เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ลงพื้นที่ไปสำรวจการจัดทำ “ประมงเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำระบบอินทรีย์" ที่ ต.แหลมฟ้าผ่า จ.สมุทรปราการ ซึ่งมีพื้นที่รวมกว่า 1,000 ไร่ จุดเด่นที่ชาวบ้านในพื้นที่ มีการทำประมง โดยมีสินค้าประมงทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา โดยชาวบ้านได้ทำการปรับพื้นที่จากเดิมที่ทำนาเกลือ มาเป็นการทำประมงอินทรีย์ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ซึ่งกระทรวงพาณิชย์เห็นว่า ประมงอินทรีย์เป็นจุดขายใหม่ จึงได้เข้าไปช่วยเหลือในเรื่องการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายเพื่อให้สินค้ามีการจำหน่ายออกสู่ตลาดได้มากขึ้น

“ช่วงแรกๆ ชาวบ้านทำประมงโดยเลี้ยงกันแบบตามมีตามเกิด แต่ต่อมา ได้เริ่มคัดและเพาะพันธุ์ ปรับระบบนิเวศน์การเลี้ยงใหม่ ไม่มีการใช้ยาและสารเคมี ทำกันจนเป็นอุตสาหกรรม และออกมาเป็นประมงอินทรีย์ในที่สุด โดยมีมาตรฐานการเพาะเลี้ยงตามมาตรฐานของกรมประมงและได้ใบรับรองมาตรฐาน สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค ซึ่งได้ช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับกลุ่มชาวบ้านเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง"

น.ส.รัตนากล่าวว่า กระทรวงฯ จะเข้าไปช่วยเหลือ โดยจะผลักดันให้มีการจำหน่ายผ่านอี-คอมเมิร์ซ ทำออฟไลน์สู่ออนไลน์ เพราะมองว่า ผู้บริโภคยุคปัจจุบัน มีความต้องการสินค้าใหม่ๆ แล้วอย่างประมงอินทรีย์ ก็เป็นหนึ่งในสินค้าที่คนที่รักษาดูแลสุขภาพมีความต้องการ แต่ที่ผ่านมา ไม่รู้ว่าจะไปหาซื้อได้ที่ไหน หากขายผ่านออนไลน์ ก็จะเพิ่มช่องทางให้ผู้บริโภคกลุ่มนี้หาซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น และยังช่วยให้ผู้ผลิตจำหน่ายสินค้าตรงไปยังผู้บริโภคได้เลยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง

นอกจากนี้ ยังช่วยผลักดันในการจัดให้มีการเจรจาธุรกิจ (บิสสิเนส แมชชิ่ง) ระหว่างชาวประมง กับธุรกิจแฟรนไชส์อาหาร และร้านอาหาร ที่ได้รับการส่งเสริมจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อให้นำวัตถุดิบประมงอินทรีย์เข้าไปจำหน่ายในธุรกิจ เป็นการยกระดับแฟรนไชส์และร้านอาหารเพื่อสุขภาพ เพราะแต่เดิม แฟรนไชส์ร้านอาหารหรือธุรกิจที่เกี่ยวกับอาหาร ส่วนใหญ่จะมีวัตถุดิบอินทรีย์ คือ ผัก ผลไม้ออแกนิกส์ แต่พวกเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะสัตว์น้ำระบบอินทรีย์ ยังมีใช้กันไม่มาก หากผลักดันประมงอินทรีย์เข้าไปเป็นวัตถุดิบได้ ไม่เพียงแต่เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจแต่ยังช่วยเพิ่มช่องทางในการจำหน่ายให้กับผู้เลี้ยงด้วย

น.ส.รัตนากล่าวว่า กลุ่มผู้เลี้ยงประมงอินทรีย์ใน ต.แหลมฟ้าผ่า ยังมีการเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเอง แต่เป็นเพียงร้านเล็กๆ และใช้วัตถุดิบจากกลุ่มมาทำอาหารขายให้กับผู้บริโภค ซึ่งกระทรวงฯ มองว่าไม่เพียงพอ โดยในส่วนของร้านจำหน่ายอาหาร จะต้องมีการพัฒนาปรับปรุงให้ดีขึ้น ทั้งรูปแบบของร้าน การตกแต่ง และจะต้องนำช่องทางการสื่อสารโซเซียลมีเดีย มาใช้ในการโฆษณาร้าน เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้าร้านมากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ