นายกฯ เปิดประชุม WTTC ยันไทยพร้อมเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของภูมิภาคและของโลก

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday April 26, 2017 15:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมสุดยอดสภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก World travel and tourism council global summit 2017 โดยกล่าวว่า รู้สึกภูมิใจที่ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดสภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลกประจำปี 2560 ซึ่งเป็นงานสำคัญของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโลกที่สามารถเน้นย้ำศักยภาพของประเทศไทยในการจัดการประชุมระดับโลกและแสดงถึงความพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวของเอเซียและของโลกต่อไป

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าการจัดงานครั้งนี้มีผู้แทนระดับสูงในภาคธุรกิจการเดินทางและการท่องเที่ยวและหน่วยงานการท่องเที่ยวทั่วโลกมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหัวข้อหลัก "Transforming Our World" โดยหารือถึงอนาคตของธุรกิจท่องเที่ยวซึ่งเป็นหนึ่งในภาคธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลกมีการจ้างงานถึง 292 ล้านอัตรา และสร้างผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศถึงร้อยละ 10.2 ของจีดีพีทั้งโลกรวมกัน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกวันนี้โลกมีการเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน ดังนั้นจึงต้องมีการพัฒนาเศรษฐกิจและพัฒนาความก้าวหน้าของสังคม รวมถึงการพัฒนาและยกระดับการเดินทางและการท่องเที่ยวทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพให้มากขึ้น

"ปัจจุบันเทคโนโลยี ดิจิตอลและโซเซียลมีเดียได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตมากขึ้น ผู้ประกอบการจึงต้องเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีต่างๆ ในการส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคและคนรุ่นใหม่ เพื่อให้เกิดมุมมองที่รวดเร็ว สนุกสนานและง่ายต่อการเข้าถึง แต่ในอีกด้านหนึ่งต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของภัยคุกคามจากการก่อการร้าย การก่ออาชญากรรมข้ามชาติ ต้องหาทางให้เกิดมาตรการและการคิดคนเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อคัดกรองนักเดินทางและนักท่องเที่ยวที่เข้าประเทศอย่างเข้มงวดมากขึ้น เพราะฉะนั้นมีความจำเป็นที่ต้องจัดระบบความสมดุลให้ได้ในเรื่องความปลอดภัยในการท่องเที่ยวที่ทุกคนสามารถรับได้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

สำหรับไทยอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวขยายตัวอย่างต่อเนื่องเพิ่มขึ้นทุกปี จากปี 2558 ที่เติบโตร้อยละ 16.7 สร้างรายได้ 1.45 ล้านล้านบาท และ ปี 2559 แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะไม่เอื้ออำนวยต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ไทยยังสามารถขยายตัวได้ถึงร้อยละ 11 สร้างรายได้ 2.52 ล้านล้านบาท ถือว่าเป็นสินค้าบริการที่สร้างรายได้สูงสุดของประเทศ และในปี 2560 ภาคการท่องเที่ยวผลิตสินค้าและบริการมูลค่า ถึง 4.6 ล้าน ล้านบาทมีการจ้างงานในประเทศเกือบ 14 ล้าน ตำแหน่ง ซึ่งยังส่งผลให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางการเดินทางท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของภูมิภาคและโลก

ทั้งนี้ รัฐบาลมุ่งเน้นสนับสนุนนโยบาย Thailand plus one เพื่อดึงดูดการลงทุนใหม่จากนักลงทุนต่างประเทศให้ใช้ประเทศไทยเป็นฐานสำคัญการเข้าสู่ตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ที่มีผู้บริโภคกว่า 620 ล้านคน ทั้งนี้ประเทศไทยมีโครงข่ายด้านการคมนาคมทางบก ทางเรือและทางอากาศที่ทันสมัยและกำลังจะพัฒนาต่อไปอีก ดังนั้นจะทำให้การเดินทางเชื่อมโยงไปยังภูมิภาคอื่นๆกับเพื่อนบ้านเป็นไปอย่างสะดวก ทั้งด้านการค้า การขนส่งและโลจิสติกส์ คมนาคม การเคลื่อนย้ายแรงงาน และการท่องเที่ยว ซึ่งไทยและประเทศสมาชิกอาเซียนให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการลดอุปสรรคการเดินทาง เพื่อยกระดับให้ภูมิภาคนี้เป็นจุดหมายปลายทางเดียวกัน (Single Tourist Destination) ของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

โดยในปี 2560 นี้ ได้กำหนดให้เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวภูมิภาคอาเซียน ภายใต้ชื่อ “Visit ASEAN@50" เพื่อฉลองการก่อตั้งอาเซียนครบรอบ 50 ปี รวมทั้งเพื่อแสดงความแตกต่างอันเป็นหนึ่งเดียวได้อย่างลงตัวของกลุ่มประเทศอาเซียนในสายตาของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยคาดว่าจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้กว่า 121 ล้านคน และทำรายได้ให้กับประเทศสมาชิกถึง 29 ล้านล้านบาท

ทั้งนี้ อาเซียนยังมุ่งเสริมสร้างความเชื่อมโยงระหว่างกันให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เช่น การพัฒนาเครือข่ายเส้นทางพัฒนาโครงการเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟสายคุนหมิง - สิงคโปร์ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2563 การพัฒนาทางหลวงอาเซียน โดยเน้นการเชื่อมต่อของไทยกับเมียนมา กัมพูชา ลาว และเวียดนาม ซึ่งจะส่งผลให้ไทยสามารถยกฐานะขึ้นเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวของภูมิภาคอย่างเต็มตัว

นายกรัฐมนตรี ยังแสดงความเชื่อมั่นว่า ทุกภาคส่วนที่ร่วมประชุมในครั้งนี้ จะร่วมกันทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อเปลี่ยนโฉมหน้าโลกไปในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมและกระจายความมั่งคั่งในสังคม ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากรของโลก และขอให้การประชุมในครั้งนี้ประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งใจไว้ และในนามของรัฐบาลไทยประชาชนผู้ประกอบการในภาคการท่องเที่ยวและบริการมีความยินดีที่ได้ต้อนรับทุกคน และขอให้ใช้โอกาสที่อยู่ในประเทศไทยทำความรู้จักกับประเทศไทยและคนไทยให้ดีมากยิ่งขึ้นทั้งในด้านวัฒนธรรมสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่และงดงาม ด้านอาหาร รวมทั้งรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยมิตรภาพและความเอื้ออารีของคนไทย ซึ่งจะสร้างความประทับใจให้กับผู้มาเยือนทุกคน แล้วหวังว่าจะมีโอกาสได้ต้อนรับอีกครั้งในโอกาสต่อๆไป

"วันนี้ทุกคนเป็นสมาชิกของประชาคมโลก และวันนี้มีปัญหาต่างๆมากมาย แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้ทุกคนมีความสุขก็คือการได้ไปท่องเที่ยว พบปะแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมกัน และถ้าหากทำให้การท่องเที่ยวนั้นเจริญเติบโตก็จะช่วยทำให้ลดปัญหาความขัดแย้งในโลกได้มาก ซึ่งวันนี้ต้องเตรียมคนในการรองรับการท่องเที่ยวมากขึ้น โดยต้องไปดำเนินการตั้งแต่การศึกษา เพื่อผลิตคนให้ตรงกับความต้องการ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไทยกำลังดำเนินการทั้งสิ้น และสิ่งที่ต้องทำคือการสร้างความมั่นคงและความมีเสถียรภาพทางการเมือง ซึ่งรัฐบาลยืนยันว่าพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด โดยเฉพาะเรื่องของการท่องเที่ยว และสิ่งสำคัญคือทุกคนถือว่าอยู่บนโลกใบเดียวกัน จึงขอเชิญชวนให้ทุกประเทศทำให้โลกใบนี้เป็นโลกที่มีความปลอดภัย ยกระดับรายได้ให้ประชาชนมีความสุข ซึ่งสิ่งที่รัฐบาลทำเพื่อประชาชนและทำให้อาเซียนเข้มแข็งไปด้วยกัน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง"นายกรัฐมนตรี กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ