ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 34.49/51 ตลาดยังรอผลประชุมเฟด มองกรอบ 34.30-34.60

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday May 2, 2017 17:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 34.49/51 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับช่วง เช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 34.56/60 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาททดสอบระดับสูงสุดที่ 34.58 บาท/ดอลลาร์

"ทิศทางวันพรุ่งนี้ต้องรอผลประชุมเฟด ซึ่งจะรู้ผลประมาณช่วงเช้าวันที่ 4 พ.ค.ตามเวลาประเทศไทย แต่แนวโน้มน่าจะ ยังไม่มีการขึ้นดอกเบี้ยในรอบนี้"

นักบริหารเงิน กล่าวต่อว่า เนื่องจากยังอยู่ระหว่างรอผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จึงให้กรอบการเคลื่อน ไหวของเงินบาทช่วงนี้ค่อนข้างกว้างระหว่าง 34.30-34.60 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 112.23/26 เยน/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่อยู่ระดับ 111.84/90 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0916/0918 ดอลลาร์/ยูโร จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 1.09/1.10 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,564.12 จุด ลดลง 2.20 จุด, -0.14% มูลค่าการซื้อขาย 35,126.09 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 216.10 ลบ.(SET+MAI)
  • พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจจะดีขึ้น แต่ยังมีสถานการณ์อ่อนไหวจาก
สถานการณ์ภายนอกประเทศในเรื่องความขัดแย้งในกรณีต่างๆ ขณะที่เศรษฐกิจฐานรากยังได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของภาพรวม
เศรษฐกิจไม่มากนัก ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องแก้ไขปัญหาต่อไป
  • นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า แนวโน้มสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิด
รายได้ (NPL) ของระบบธนาคารพาณิชย์จะทยอยปรับตัวลดลงจากไตรมาส 1/60 ที่ 3.25% หลังจากเริ่มเห็นการฟื้นตัวของ
เศรษฐกิจในไตรมาส 1/60 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสัญญาณบวกที่ดีว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มค่อยๆฟื้นตัวขึ้น และการที่เศรษฐกิจมีการฟื้นตัว
ขึ้นจะส่งผลให้ทุกภาคส่วนของประเทศมีแนวโน้มที่เติบโตขึ้นทั้งภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ และจะส่งผลไปถึงระบบธนาคารพาณิชย์ที่
แนวโน้ม NPL จะค่อยๆลดลง
  • นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในช่วงบ่ายวันนี้จะหารือร่วมกับ รมว.คลัง เกี่ยวกับความคืบ
หน้ามาตรการเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร โดยจะเสนอให้ รมว.คลังพิจารณาและหากผ่านความเห็นชอบแล้วก็จะเสนอ ครม.พิจารณาต่อ
ไป แต่ยังไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ เพราะเกี่ยวกับงบประมาณและหน่วยงานอื่นด้วย แต่เบื้องต้นอาจจะยังไม่สรุปภายในวันนี้
เพราะเรื่องนี้ยังต้องใช้เวลาและดำเนินการอย่างรอบคอบ
  • ธนาคาร 5 รายใหญ่ของจีน ได้แก่ อินดัสเทรียล แอนด์ คอมเมอร์เชียล แบงก์ ออฟ ไชน่า (ICBC), แบงก์ ออฟ
ไชน่า, แบงก์ ออฟ คอมมูนิเคชันส์, อะกริคัลเจอรัล แบงก์ ออฟ ไชน่า (ABC) และไชน่า คอนสตรักชั่น แบงก์ (CCB) มีผลกำไร
รวมกันเพิ่มขึ้น 1.68% ในไตรมาส 1/2560 สู่ระดับ 2.675 แสนล้านหยวน (ประมาณ 3.88 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ)
  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้ระงับการอัดฉีดเงินเข้าระบบผ่านการดำเนินงานทางตลาดเงิน (Open Market
Operations) หรือ OMO ในวันนี้ ท่ามกลางสัญญาณของการคุมเข้มด้านนโยบาย
  • สำนักงานกำกับดูแลการเงินของเกาหลีใต้ (FSS) เปิดเผยว่า ธนาคารในเกาหลีใต้มีผลกำไรรายไตรมาสสูงที่สุดใน
รอบ 6 ปี โดยได้แรงหนุนจากปัจจัยหลายประการ

ธนาคารพาณิชย์ในเกาหลีใต้มีรายได้สุทธิ 4.3 ล้านล้านวอน (3.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในเดือนม.ค.-มี.ค. ซึ่ง เพิ่มขึ้น 49% เมื่อเทียบรายปี และยังเป็นรายได้รายไตรมาสที่สูงที่สุดในรอบ 6 ปี

  • ธนาคารกลางออสเตรเลียมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.5% ในการประชุมวันนี้
  • นักวิเคราะห์ในตลาดน้ำมันคาดการณ์ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) อาจยืดระยะเวลาลดกำลังผลิตไปจน

ถึงปลายปีหน้า เพื่อแก้ปัญหาภาวะน้ำมันล้นตลาด โดยโอเปกจำเป็นต้องติดตามรายงานปริมาณน้ำมันดิบในคลังเพื่อประเมินท่าทีต่อไป

ก่อนที่โอเปกจะประชุมกันในวันที่ 25 พ.ค. นี้ที่กรุงเวียนนา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ