"สมคิด"ขึ้นเวทีโรดโชว์ EEC นลท.ฮ่องกง-จีน หวังผลักดัน S- Curve พร้อมเชื่อมโยงเส้นทางสายไหม

ข่าวเศรษฐกิจ Monday May 8, 2017 10:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ไทยและเขตบริหารพิเศษฮ่องกง จัดสัมมนาการลงทุนไทย-ฮ่องกง-เซี่ยงไฮ้ในวันนี้เพื่อหารือการสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจภายใต้ยุทธศาสตร์หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (One Belt One Road) โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและนักธุรกิจจากทั้งฝั่งไทยและฮ่องกงเข้าร่วมรับฟังนโยบายกว่า 300 ราย

กรอบเนื้อหาความร่วมมือหลักจะมุ่งไปที่การพัฒนาการใช้พื้นที่ เส้นทางคมนาคมและอุตสาหกรรมสาขาเป้าหมาย อาทิ การนำเสนอนโยบาย Thailand 4.0 และเชิญชวนภาคเอกชนให้มาลงทุนในไทย โดยเฉพาะ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ซูเปอร์คลัสเตอร์ ระบบการขนส่งสาธารณะ ภายใต้โครงการพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รวมถึงการผลักดันให้เกิดการจัดตั้งสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกง (ETO) ในไทย เป็นต้น

นายสมคิด กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยงานต่างๆ ของไทยจะเร่งผลักดันนโยบายการส่งเสริมให้ภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมเกิดการขยายความร่วมมือกับเขตบริหารพิเศษดังกล่าวในบริบทและรูปแบบที่กว้างและหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยในส่วนของรัฐบาลได้เร่งสร้างความต่อเนื่องในการแลกเปลี่ยนความช่วยเหลือ ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ฮ่องกงให้เป็นรูปธรรม พร้อมทั้งสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเพื่อช่วยให้เกิดการร่วมมือในระดับต่างๆ ที่สูงขึ้นได้ต่อไป

บทบาทของฮ่องกงนั้นถือว่าเป็นคู่ค้าและคู่ลงทุนที่สำคัญของไทยมาโดยตลอด โดยในปีที่ผ่านมา ฮ่องกงมีการนำเข้าสินค้าจากไทยคิดเป็นมูลค่ากว่า 1.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 4 แสนล้านบาท และในขณะนี้ยังถือเป็นเสมือนจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่ทำให้การริเริ่มนโยบายหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (One Belt One Road) หรือโครงการเส้นทางสายไหมเก่าของประเทศจีนประสบความสำเร็จได้

ในอนาคตต่อไปเส้นทางดังกล่าวกำลังจะขยายการเชื่อมโยงสู่ทางทะเล สามารถส่งผลต่อการส่งเสริมความร่วมมือด้านต่างๆ โดยเฉพาะด้านการลงทุนระหว่างจีนกับประเทศในแถบภูมิภาคมหาสมุทร ไม่ว่าจะเป็นภูมิภาคอาเซียน โอเชียเนีย แอฟริกาเหนือ แปซิฟิก รวมถึงมหาสมุทรอินเดีย ทั้งยังมีแนวโน้มที่สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงถึงยุทธศาสตร์ด้านการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะจีน ฮ่องกง และ เซี่ยงไฮ้ที่จะให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากยิ่งขึ้นต่อไป

ทั้ง นี้ในโอกาสดังกล่าวประเทศไทยจึงต้องเร่งใช้ประโยชน์จากการเป็นศูนย์กลางที่สำคัญของกลุ่มประเทศ CLMV ในการพัฒนาศักยภาพความร่วมมือระหว่างประเทศให้มากขึ้น ซึ่งหากสามารถพัฒนาได้อย่างเป็นรูปธรรมก็จะทำให้เกิดการเชื่อมโยงอาเซียนกับมณฑลตอนใต้ของจีน โดยมีไทยและฮ่องกงเป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยง ซึ่งจะเป็นข้อดีในการได้รับผลประโยน์ในรูปแบบ Win – Win ของทั้งสองประเทศในอนาคต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ