ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 34.48/50 แกว่งแคบ มองกรอบพรุ่งนี้ 34.45-34.55 ตลาดห่วงการเมืองสหรัฐไม่แน่นอน

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday May 18, 2017 17:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 34.48/50 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียง จากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 34.47 บาท/ดอลลาร์

วันนี้เงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ ไม่มีปัจจัยที่สำคัญมากในวันนี้ ในขณะที่ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงไปเมื่อเทียบ กับค่าเงินยูโร เงินเยน และเงินปอนด์ เนื่องจากความกังวลของตลาดจากความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐ หลังจาก ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถูกมองว่ามีการเข้าแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม

"วันนี้บาทยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ แต่ปัจจัยเรื่องทรัมป์ ได้กดดันให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า ในขณะที่เยน ยูโร และ ปอนด์แข็งค่าขึ้น" นักบริหารเงิน ระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 34.45 - 34.55 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เย็นนี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 110.38/40 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 111.01 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1120/1123 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1158 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,545.88 จุด ลดลง 2.41 จุด (-0.16%) โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 38,059 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 2,055.36 ลบ.(SET+MAI)
  • นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดการประชุมเจรจาจับคู่ธุรกิจไทย-จีน Thailand
Cross Border Trade & Investment Conference ซึ่งในวันนี้มีผู้ร่วมเจรจาจับคู่รวมกว่า 1,000 คน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบ
การไทยสามารถพัฒนาด้านนวัตกรรม และนำพาประเทศไทยก้าวสู่ไทยแลนด์ 4.0
  • สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) จัดทำรายงานภาวะเศรษฐกิจการค้าไตรมาส 1 ของ ปี 2560
และแนวโน้มทั้งปี 2560 พบว่าภาพรวมเศรษฐกิจการค้าไทยไตรมาสแรกของปี 2560 ขยายตัวในเกณฑ์ดีต่อเนื่องจากปี 2559 ทั้ง
เศรษฐกิจการค้าในประเทศและการค้าต่างประเทศ โดยการส่งออกขยายตัวสูงที่สุดในรอบ 17 ไตรมาส การจัดตั้งนิติบุคคลใน
ประเทศขยายตัวดี การลงทุนโดยตรงของไทยทั้งขาออกและขาเข้าขยายตัวต่อเนื่อง ในขณะที่เสถียรภาพด้านราคาเพิ่มขึ้นเล็กน้อยและ
อยู่ในระดับที่เหมาะสมต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยรวมคาดว่าเศรษฐกิจไทยการค้าไทยทั้งปีจะขยายตัวได้ดีต่อเนื่องจากปีก่อน
  • นักลงทุนในตลาดวอลล์สตรีท คาดการณ์ว่าโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม
เดือนมิ.ย.เริ่มจะลดน้อยลง หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงอย่างหนัก อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลที่ว่าความไม่แน่นอนทางการเมือง
ในสหรัฐ อาจจะส่งผลให้การผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องสะดุดลง

ความวิตกกังวลด้านการเมืองในสหรัฐมีขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งปลดนายเจมส์ โคมีย์ พ้นจาก ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) ซึ่งทำให้มีการมองกันว่าทรัมป์กำลังแทรกแซงการทำงานของ FBI

  • สภาแห่งรัฐจีน ประกาศมาตรการลดภาระของบริษัทเอกชนเพิ่มเติม พร้อมให้คำมั่นสนับสนุนแผนแม่บทระดับ
ชาติ "Made in China 2025" มากขึ้น โดยจีนวางแผนที่จะช่วยภาคเอกชนให้สามารถลดต้นทุนการดำเนินงานต่อปีลง 1.2 แสน
ล้านหยวน (ราว 1.748 หมื่นล้านดอลลาร์) โดยอาศัยมาตรการต่างๆ อาทิ การลดต้นทุนด้านการขนส่งและค่าธรรมเนียมทางธุรกิจ
  • กระทรวงพาณิชย์จีน เปิดเผยว่า ยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในเดือนเม.ย. ลดลงจากช่วง

เดียวกันของปีก่อน 4.3% สู่ระดับ 5.991 หมื่นล้านหยวน (8.7 พันล้านดอลลาร์) ส่วนยอด FDI ในช่วงเดือน 4 เดือนแรกของปีนี้

(ม.ค.-เม.ย.) อยู่ที่ 2.8641 แสนล้านหยวน ลดลงเล็กน้อย 0.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ