(เพิ่มเติม) เลขาส.ป.ก.ชงรัฐแก้ปมกฎหมายหรือใช้ ม.44 เอื้อผลิตปิโตรเลียมต่อ,ยันโครงการพลังงานลมไม่กระทบ

ข่าวเศรษฐกิจ Friday June 9, 2017 16:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมปอง อินทร์ทอง เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) กล่าวว่า เตรียมเสนอ 2 แนวทางต่อรัฐบาลให้พิจารณาเพื่อตัดสินใจแก้ปัญหาการใช้พื้นที่ส.ป.ก. โดยอาจจะมีการแก้กฎหมายตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ส.ป.ก. มาตรา 19 (12) ให้ศาลปกครองวินิจฉัยแต่ต้องอยู่ในกรอบการปฏิรูปที่ดิน หรือเสนอให้นายกรัฐมนตรี ใช้มาตรา 44 เพื่อให้สามารถใช้พื้นที่ส.ป.ก.เพื่อดำเนินโครงการอื่นได้ เนื่องจากไม่มีระเบียบในการคุมการสำรวจและการใช้พื้นที่ส.ป.ก.แล้ว ซึ่งรวมถึงทุกโครงการไม่ว่าจะเป็นทองคำ พลังงาน น้ำมัน หรือโครงการที่เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ เพื่อประโยชน์ของประเทศหรือประชาชน

"ส.ป.ก.เสนอไป 2 ทางขึ้นอยู่กับฝ่ายนโยบาย แต่ถ้าจะใช้ ม.44 ก็ควรทำเฉพาะแปลงเฉพาะพื้นที่ และไม่ควรกระทบการเกษตร....ทุกโครงการที่เกี่ยวกับเรื่องต้องรอและเริ่มใหม่ทั้งหมด"นายสมปอง กล่าว

นายสมปอง กล่าวว่า ส.ป.ก.ได้สั่งการไปยังสำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัด (คปจ.) ให้ตรวจสอบและเก็บข้อมูลพื้นที่อย่างรอบคอบ และต้องรายงานให้ส.ป.ก.รับทราบ เพื่อชี้แจงรายละเอียดให้ที่ประชุมคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินแห่งชาติ (คปท.) รับทราบ ภายในวันที่ 15 มิ.ย.

สำหรับขณะนี้มีพื้นที่ที่อยู่ระหว่างการสำรวจในเขต 4 จังหวัด จำนวน 7 บริษัท ระหว่างนี้ต้องหารือทุกหน่วยงานเกี่ยวข้องทั้ง กระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสากกรรม คปท. คปจ. และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เพราะบางพื้นที่มีพื้นเหมืองแร่และแหล่งทรัพยากรธรรมชาติอื่น ๆ ด้วย

ส่วนผู้ผลิตไฟฟ้าโครงการกังหันลม ที่ใช้พื้นที่ส.ป.ก.ยังคงดำเนินการโดยใช้ระเบียบเดิมตามมาตรา 30 (5) ต่อไปได้

อนึ่ง เมื่อต้นเดือน มิ.ย.ศาลปกครองปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาให้เพิกถอนระเบียบคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เรื่องการให้ความยินยอมในการนำทรัพยากรธรรมชาติในเขตปฏิรูปที่ดินไปใช้ประโยชน์ตามกฎหมายอื่น กรณีดังกล่าวส่งผลให้กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ แจ้งผู้ประกอบการปิโตรเลียมหยุดการผลิตปิโตรเลียมที่มีการดำเนินการอยู่ในพื้นที่ส.ป.ก.เป็นการชั่วคราว ซึ่งปัจจุบันมีผู้รับสัมปทานปิโตรเลียมที่เข้าไปดำเนินการในพื้นที่ส.ป.ก.และพื้นที่ป่าไม้ รวม 7 บริษัท

นายสมปอง กล่าวต่อว่า กรณีบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) หยุดผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่โครงการ S1 นั้น ต้องไปดูกฎหมายพลังงาน ซึ่งการอนุญาตผลิตปิโตรเลียมอยู่ที่กระทรวงพลังงาน ขณะที่ ส.ป.ก.มีหน้าที่แค่พิจารณาว่าเมื่อได้รับอนุญาตแล้ว จะให้ความยินยอมใช้พื้นที่ตรงนั้นหรือไม่ เนื่องจากเป็นเจ้าของที่ดิน หากตรวจสอบพบว่ามีการได้รับอนุญาตแล้วและได้รับการยินยอมไปแล้วก็ทำต่อได้เพราะคำพิพากษาศาลไม่มีผลย้อนหลัง

"คำพิพากษามีผลต่อเมื่อประกาศในราชกิจจา เพราะฉะนั้นที่จะขออนุญาตเข้ามาใหม่เราก็จะไม่รับพิจารณา เพราะว่าไม่มีระเบียบรองรับ ซึ่งแปลว่าในกรณีของแหล่งสิริกิติ์รวมทั้งทุกแหล่ง เดี๋ยวเราจะไปตรวจสอบว่าอยู่ในขั้นตอนสำรวจหรืออยู่ในขั้นตอนขอใช้ และจะมีการหารือกับทางกรมเชื้อเพลิงฯ ในสัปดาห์หน้าเลย

ถ้า ปตท.สผ.ได้รับอนุญาตแล้วก็สามารถเดินหน้าโครงการต่อไป ถ้าผลิตแล้ว อนุมัติแล้วก็ทำต่อไปได้ แต่ถ้ายังอยู่ระหว่างขอสำรวจหรือเริ่มขออนุญาตต้องหยุดทุกโครงการ หรือครบกำหนดเวลา 1 ปีที่ส.ป.ก.อนุญาตให้สำรวจก่อนศาลจะสั่งก็ต้องหยุดเช่นกัน ที่ขุดเจาะแล้ว ดูดแล้วก็ทำต่อไป....แต่เท่าที่ตรวจสอบแล้วไม่มีรายใดขอนุญาตใช้พื้นที่ผลิตเลย มีแต่ขออนุญาตสำรวจ สินแร่ก็หลักการเดียวกัน" นายสมปองก กล่าว

สำหรับความคืบหน้าคดีทุ่งคำนั้น นายสมปอง กล่าวว่า ศาลยังไม่ได้นัดฟังคำพิพากษา

"ส.ป.ก.ถูกฟ้อง 2 คดี คดีแรกผู้ตรวจการแผ่นดินฟ้อง ส.ป.ก. ส่วนคดีที่สองทุ่งคำฟ้อง ส.ป.ก.แต่เราก็ฟ้องกลับไปแล้วว่าให้ชดใช้ค่าเสียหายแต่ศาลยังไม่นัดฟังคำพิพากษา"นายสมปอง กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ