นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้เห็นชอบ 4 มาตราการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง ตามมติของคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) เมื่อวันที่ 21 เม.ย.60 ภายหลังราคายางพาราลดต่ำลง ประกอบด้วย 1.มาตรการขยายเวลาโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่สถาบันเกษตรกรเพื่อรวมยางพาราภายใต้แนวทางยางพาราทั้งระบบ ซึ่งได้ดำเนินโครงการมาตั้งแต่ 1 ก.ย.57 - 31 มี.ค.60 และมีการกู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.)มาประมาณ 6 พันล้านบาท สามารถรวบรวมรับซื้อยางพาราได้ 1.15 ล้านตัน จึงขออนุมัติขยายเวลาการดำเนินโครงการต่อไปอีก 3 ปี ภายในกรอบวงเงินสินเชื่อ 10,000 ล้านบาท เริ่มดำเนินการตั้งแต่ 31 มี.ค.60-31 มี.ค.63
2.มาตรการขยายระยะเวลาโครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง (เพิ่มเติม) ออกไปอีก 90 วันเพื่อรองรับเกษตรกรตกค้างจากคราวที่แล้วยังไม่ได้แจ้งรับสิทธิ์ประมาณ 11,460 ครัวเรือน เนื่องจากรอบที่แล้วมีการจ่ายเงินให้เจ้าของสวนยางและคนกรีดยางจำนวนประมาณ 1 หมื่นล้านบาท เป็นเจ้าของสวนยาง 7 แสนครัวเรือน และคนกรีดยางอีกประมาณเกือบ 7 แสนครัวเรือน
3.มาตรการขยายระยะเวลาโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกร เพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง วงเงินสินเชื่อ 10,000 ล้านบาท ซึ่งหมดอายุไปเมื่อวันที่ 31 มี.ค. 60 ออกไปอีก 1 ปี เนื่องจากโครงการเดิมดำเนินการมาตั้งแต่ 9 พ.ค.55-31 มี.ค.56 องค์การสวนยางรับซื้อยางจากสถาบันเกษตรกรแล้วประมาณ 2 แสนตัน และระบายออกไปแล้ว 73%
นอกจากนี้ มาตราขยายระยะเวลาโครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายางเพื่อเพิ่มสภาพคล่องหรือบัฟเฟอร์ฟันด์ ออกไปจนถึงวันที่ 31 พ.ค. 63 โดยให้กระทรวงการคลังขยายระยะเวลาการค้ำประกันเงินกู้กับธ.ก.ส.ออกไป
และ 4.มาตรการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบกิจการยาง คราวนี้การยางแห่งประเทศไทยขออนุมัติอีก 10,000 ล้านบาท ระยะเวลา พ.ค.60-เม.ย.62 ใช้แหล่งสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ที่ผู้ประกอบการใช้บริการอยู่แล้ว และรัฐจะยังสนับสนุนการชดเชยดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 3 ต่อปีจำนวนไม่เกิน 300 ล้านบาท คาดว่าจะดูดซับยางจากระบบประมาณร้อยละ 20 ของผลผลิตน้ำยางข้น 2 แสนตัน และเพื่อให้เป้าหมายราคายางอยู่ที่ 70 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งผู้ที่จะร่วมโครงการนี้ได้ต้องเป็นผู้ประกอบการแปรรูปน้ำยางข้น จดทะเบียนในประเทศไทยและมีผู้ถือหุ้นสัญชาติไทยมากกว่าครึ่งหนึ่งของทุนจดทะเบียน
โดยเมื่อวันที่ 21 ต.ค.57 ครม.อนุมัติให้ดำเนินโครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบกิจการยาง อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี ผ่านธนาคารพาณิชย์วงเงินทั้งหมด 10,000 ล้านบาท และรัฐรับภาระจ่ายดอกเบี้ยชดเชยร้อยละ 3 ต่อปี
นายณัฐพร กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์จะประชุมร่วมกับการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) และอาจมีมาตรการเรื่องการแก้ปัญหาราคายางเพิ่มเติม
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุม ครม.ว่า ที่ประชุมฯ มีมติเห็นชอบขยายระยะเวลามาตรการการช่วยเหลือเกษตกรชาวสวนยางพารา 4 มาตรการ ซึ่งเคยดำเนินการก่อนหน้านี้ โดยยืนยันว่ามาตรการที่ออกมาก่อนหน้านี้ทำให้ราคายางพาราปรับสูงขึ้น แต่จำเป็นต้องขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการด้วย เพราะยังต้องมีการเตรียมการรองรับการเปิดกรีดยางในฤดูกาลใหม่
พร้อมระบุว่า สำหรับปัญหาราคายางที่ลดต่ำลงในขณะนี้ส่วนหนึ่งเกิดการจากซื้อขายในตลาดล่วงหน้า ซึ่งเหมือนรูปแบบการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์จึงทำให้ราคายางแกว่งตัว แม้จะเป็นไปตามกลไกการค้าเสรี แต่รัฐบาลจะหาแนวทางในการแก้ไขปัญหา
ส่วนกรณีที่สมาคมผู้ปลูกยางทั่วประเทศเตรียมเคลื่อนไหวชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหา โดยอาจจะมาชุมนุมที่กรุงเทพฯ นั้น นายกรัฐมนตรี ขอร้องว่าไม่ควรออกมาเคลื่อนไหว เพราะรัฐบาลจะหาแนวทางแก้ปัญหาให้ ซึ่งบางปัญหาสะสมมาจากหลายรัฐบาลที่ผ่านมา แต่ยอมรับว่าอาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้ได้ทั้งหมด นอกจากนี้รัฐบาลจะพยายามระบายสต็อกยางที่ยังคงค้างอยู่ ซึ่งจะพยายามไม่ให้กระทบต่อราคายางในปัจจุบัน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่มีความจำเป็นต้องปรับ รมว.เกษตรและสหกรณ์ออกจากตำแหน่ง ตามข้อเรียกร้องของนายถาวร เสนเนียม แกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) เพราะที่ผ่านมาพล.อ.ฉัตรชัย ก็พยายามทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว
ขณะที่ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงสาเหตุที่ราคายางพาราตกลง โดยยอมรับว่ามีผู้ปล่อยข้อมูลให้ราคายางร่วง ดังนั้นนอกจากมาตรการที่รัฐบาลจะดำเนินการเพื่อช่วยยกระดับราคายางแล้ว จะต้องให้ทุกฝ่ายช่วยกันติดตามข้อมูล เพื่อให้เจ้าหน้าที่ช่วยตรวจสอบที่มาที่ทำให้ยางราคาตกต่ำอย่างหนักด้วย