"สมคิด" มอบคลัง-ธปท.ร่วมพัฒนา-ลดข้อจำกัดด้านฟินเทค มุ่งยกระดับเป็นฮับในกลุ่ม CLMV

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday June 14, 2017 11:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในงาน "ก้าวที่ 40 มติชน ก้าวสู่ประเทศไทย 4.0" ว่า จากนโยบายรัฐบาลที่ต้องการพัฒนาประเทศให้ก้าวสู่ 4.0 จำเป็นต้องมีการเพิ่มมูลค่าสินค้า ส่งเสริมผู้ประกอบการและทำให้สตาร์ทอัพใหม่ๆ พร้อมทั้งส่งเสริมด้านนวัตกรรมและดิจิตอล ซึ่งการพัฒนาระบบการเงินด้วยเทคโนโลยี (ฟินเทค) ยังถือว่าเป็นเรื่องใหม่สำหรับประเทศไทย และยังมีข้อจำกัดแต่จำเป็นต้องพัฒนา

นายสมคิด กล่าวว่า การพัฒนาด้านฟินเทคถือเป็นหน้าที่ของกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ต้องร่วมมือกัน โดยกระทรวงการคลังต้องเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาร่วมกับหน่วยงานของรัฐ สถาบันการเงิน ผู้ประกอบการ และสถาบันการศึกษา ส่วน ธปท.จะต้องผ่อนคลายหลักเกณฑ์ที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาฟินเทค โดยไม่จำเป็นต้องไปปรับปรุงกฏหมายใหม่ แต่ต้องศึกษากฎระเบียบการเงินที่มีความเหมาะสมของฟินเทคภาคการเงินไทย โดยให้นำการศึกษาจากต่างประเทศมาปรับปรุงให้เข้ากับระบบการเงินไทย

นายสมคิด มองว่า ตัวขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนาฟินเทค คือ โมบายโฟนที่เพิ่มความสะดวกสบายในการทำธุรกรรมทางการเงิน จนก้าวเข้าสู่เงินในรูปแบบดิจิตอลในอนาคต พร้อมทั้งต้องมีการพัฒนาฐานข้อมูลขนาดใหญ่ หรือบิ๊กเดต้า ให้เข้าถึงข้อมูลขอผู้ใช้งาน และเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจการขอสินเชื่อของผู้ประกอบการได้

อย่างไรก็ตาม การพัฒนาฟินเทคจำเป็นต้องสร้างระบบนิเวศหรืออิโคซิสเต็มทางการเงิน ด้วยการพัฒนาผู้ประกอบการและผู้เชี่ยวชาญทางการเงินให้เข้าใจฟินเทคให้มากขึ้น และธนาคารต่างๆ ก็ต้องพัฒนาตัวเองเข้าสู่ฟินเทคและต้องหาแนวทางในการป้องกันผลประโยชน์ให้กับประชาชนไม่ให้ถูกหลอกด้วย

นอกจากการพัฒนาระบบฟินเทคในประเทศแล้ว ยังต้องพยายามยกระดับของฟินเทค เพื่อให้ไทยสามารถเป็นฮับด้านฟินเทคในกลุ่ม CLMVT ด้วย

นายสมคิดยังกล่าวถึงการผลักดันโครงการรถไฟไทย-จีนที่ยังไม่ผ่านการพิจารณาจากที่ประชุม ครม.-คสช.เมื่อวานนี้ว่า ไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อตัวโครงการ แต่อาจมีอุปสรรคบางจุด ซึ่งทั้งหมดจะแก้ด้วยการใช้มาตรา 44


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ