แหล่งข่าวจากระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง พ.ร.บ.ภาษีการได้รับประโยชน์จากการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของรัฐ พ.ศ....ว่า ขณะนี้ได้ครบกำหนดการเปิดรับฟังความคิดเห็นร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ไปเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.60 แล้ว ซึ่งเป็นการเปิดรับฟังความคิดเห็นผ่านช่องทางอีเมลล์ และโทรสาร ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)
แต่จนถึงล่าสุดขณะนี้ พบว่ามีผู้แสดงความคิดเห็นต่อร่างกฎหมายดังกล่าวเข้ามาน้อยมาก ซึ่งอาจมีความเป็นไปได้ที่ทาง สศค.จะต้องเสนอเรื่องมาให้กระทรวงการคลังจัดเวทีสัมมนาเพื่อเปิดเป็นเวทีรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชนที่มีต่อร่าง พ.ร.บ.นี้เพิ่มเติม เพื่อให้ได้ความคิดเห็นที่หลากหลายและกว้างขวางมากขึ้น
"ปกติก่อนจะออกกฎหมาย จะต้องมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากแต่ละภาคส่วนก่อน ซึ่งจะทำในรูปแบบอีเมลล์ หรือทางออนไลน์ก็ได้ แต่หากข้อมูลยังไม่เพียงพอ ก็อาจจะจัดสัมมนารับฟังความเห็นเพิ่มเติมได้ แต่ตอนนี้ทางอีเมลล์เพิ่งจะมีความเห็นเข้ามารายเดียว ซึ่งคงไม่เพียงพอต่อการจะออกกฎหมาย ดังนั้นก็อาจจะต้องเสนอเรื่องมาให้กระทรวงฯ จัดสัมมนาเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทั่วไปเพิ่มเติม"แหล่งข่าว กล่าวกับ "อินโฟเควสท์"
โดยพื้นที่ที่คาดว่าจะมีการจัดเก็บภาษี จะอยู่โดยรอบโครงการพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง เช่น พื้นที่โดยรอบโครงการรถไฟความเร็วสูง, รถไฟรางคู่, รถไฟฟ้าขนส่งมวลชน, สนามบิน, ท่าเรือ และโครงการทางด่วนพิเศษ เป็นต้น
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง คาดว่ากระทรวงการคลังจะสามารถรวบรวมความคิดเห็นประชาชนจากร่าง พ.ร.บ.ภาษีการได้รับประโยชน์จากการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานฯ ได้ภายในวันที่ 27 มิ.ย.นี้ ก่อนที่นำเสนอเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป
สำหรับหลักการและเหตุผลความจำเป็นที่ต้องร่างกฎหมายดังกล่าวขึ้น เนื่องจากรัฐบาลอยู่ระหว่างการดำเนินการจัดทำโครงการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง ซึ่งมีต้นทุนในการดำเนินการค่อนข้างมาก ประกอบกับเมื่อโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จ จะส่งผลให้ที่ดินหรือห้องชุดบริเวณรอบโครงการมีมูลค่าสูงขึ้น ดังนั้น จึงต้องออกกฎหมายเพื่อให้ภาครัฐสามารถจัดเก็บภาษีจากเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดิน หรือเป็นเจ้าของห้องชุดที่ได้รับประโยชน์จากส่วนต่างของมูลค่าที่ดินหรือห้องชุดอันเนื่องมาจากการพัฒนาโครงการดังกล่าว และนำรายได้จากการจัดเก็บภาษีดังกล่าวมาใช้ในการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของรัฐต่อไป