(เพิ่มเติม) นายกฯ เปิดงาน"Thailand's Big Strategic Move"ลั่นดัน GDP ไทยปีนี้โตถึง 3.3-3.8%

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday June 22, 2017 11:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงาน “Thailand's Big Strategic Move"ซึ่งเป็นการนำเสนอความน่าสนใจของประเทศไทยและตลาดทุนไทยให้แก่กลุ่มผู้ลงทุนสถาบันทั้งไทยและต่างประเทศว่า รัฐบาลตั้งเป้าจะผลักดันเศรษฐกิจไทยปีนี้ให้ขยายตัวได้ถึง 3.3-3.8% จาก 3.2% ในปี 59 โดยพยายามมุ่งหน้าแก้ปัญหาทางการเมือง ขณะที่งานด้านเศรษฐกิจก็เดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง พร้อมย้ำว่าขณะนี้ทุกอย่างยังเป็นไปตามโรดแมพ

ในงานดังกล่าว นายกรัฐมนตรี นำทีมรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ประกอบด้วย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง และนายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม ร่วมนำเสนอภาพรวมนโยบายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงมาตรการต่างๆ ที่จะช่วยสนับสนุนการลงทุน การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และการส่งเสริมธุรกิจ startups ในประเทศไทย ภายใต้โมเดล Thailand 4.0 เพื่ออนาคตของประเทศใน 20 ปีข้างหน้า

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลวางยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปีเพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน โดยมีกรอบเป้าหมายสำคัญครอบคลุมทั้งในด้านความมั่นคง ด้านความสามารถในการแข่งขัน ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคน ด้านการสร้างโอกาสความเสมอภาคและเท่าเทียมกันทางสังคม ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ ซึ่งการจะมุ่งไปสู่การพัฒนาทั้ง 6 ด้านอย่างมีประสิทธิภาพได้นั้น ประเทศไทยจึงได้สร้างฐานในการพัฒนาโดยใช้โมเดล “ไทยแลนด์ 4.0" เพื่อก้าวไปสู่อนาคตของประเทศใน 20 ปี ข้างหน้า

โมเดล “ไทยแลนด์ 4.0"เป็นโมเดลเศรษฐกิจที่เน้นการสร้างคุณค่า และเน้นการขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ประกอบด้วยภารกิจหลัก คือ การเตรียมคนไทยเข้าสู่ยุค 4.0 การเร่งพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ การเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคต การสร้างความเข้มแข็งในวิสาหกิจไทย การยกระดับโครงสร้างพื้นฐานทางปัญญา การสร้างความเจริญเติบโตที่กระจาย สู่ภูมิภาคและท้องถิ่นผ่านจังหวัด ถึงกลุ่มจังหวัด การเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจภายในประเทศ การสร้างสังคมที่เป็นธรรม สังคมแห่งโอกาส และสังคมที่เกื้อกูลแบ่งปันกัน การบูรณาการอาเซียน และการเชื่อมโยงไทยสู่ประชาคมโลก และการขับเคลื่อนประเทศผ่านกลไก “ประชารัฐ" และระบบดิจิทัล

ทั้งนี้ รัฐบาลได้มีการออกกฎหมายที่สำคัญไปเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกฎหมายที่เอื้ออำนวยต่อการประกอบธุรกิจ ซึ่งธนาคารโลกได้จัดอันดับการอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนในการเข้าไปประกอบธุรกิจในประเทศต่างๆ ซึ่งในปี 59 ไทยได้รับการจัดอันดับอยู่ที่อันดับ 46 จากทั้งหมด 190 ประเทศ สูงขึ้น 3 อันดับจากปีก่อนหน้า หากเทียบในประเทศอาเซียน ไทยอยู่ที่อันดับ 3 รองจากสิงคโปร์ และมาเลเซีย โดยในเกณฑ์ชี้วัดที่ 2 ประเทศนี้ดีกว่าไทย ได้แก่ การชำระภาษี และการคุ้มครองสิทธินักลงทุนรายย่อย ซึ่งของไทยก็ได้มีการปรับปรุงแล้วจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในตลาดทุนเพื่อรองรับการประเมินอีกครั้งในปีนี้

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่สะท้อนถึงขีดความสามารถในทางเศรษฐกิจของไทย คือ การที่บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นบริษัทขนาดใหญ่ มีการลงทุนโดยตรงในต่างประเทศ 198 ราย หรือ 39% ของจำนวน บจ.ทั้งหมด โดยในจำนวนนี้ 78% ลงทุนในอาเซียน และ 59% ลงทุนใน CLMV

และ อีกหนึ่งนโยบายสำคัญที่รัฐบาลจะใช้เป็นเครื่องมือในการผลักดันเศรษฐกิจ โดยอาศัยศักยภาพของประเทศไทยซึ่งอยู่ตรงจุดกลางภูมิศาสตร์ของอาเซียน คือ การขยายการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยเฉพาะการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจสำคัญเชื่อมโยงอาเซียน เอเชียตะวันออก เอเชียใต้ โดยขณะนี้รัฐบาลอยู่ระหว่างออกกฎหมายเฉพาะเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ในการส่งเสริมและพัฒนาพื้นที่ EEC ให้เป็นรูปธรรม และเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ รัฐบาลยังมุ่งเน้นการปฏิรูป “คน"ให้มีศักยภาพและมีความพร้อมในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงประเทศ หรือที่เรียกว่า Smart Thai ซึ่งก็คือ คนไทย 4.0 ที่เน้นหลักคิด มีความคิดพื้นฐานที่เป็นตรรกะ วิเคราะห์ได้ ตลอดจนมีความคิดสร้างสรรค์ สามารถทำงานกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ รวมไปถึงการพัฒนาแรงงานให้มีทักษะ มีคุณภาพ ตามความต้องการของตลาดแรงงาน โดยรัฐบาลวางแนวทางการพัฒนาในระยะแรก 5 ปีไว้แล้ว

สำหรับหน่วยงานในภาคตลาดทุน บริษัทจดทะเบียน และบริษัททั่วไป นายกรัฐมนตรีขอให้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ ไทยแลนด์ 4.0 ให้ดี เพื่อจะได้ช่วยกันพัฒนาธุรกิจและบุคลากรไปในแนวทางเดียวกัน ทั้งนี้ เชื่อว่านักลงทุนมีความมั่นใจต่อการลงทุนในประเทศไทย พร้อมฝากถึงผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ผู้ประกอบการเอกชนอื่น ๆ และนักลงทุนทุกคนที่จะได้ช่วยกันพัฒนาและขับเคลื่อนประเทศไทยตามแนวทางไทยแลนด์ 4.0 เพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศก้าวหน้าไปอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนตลอดไป ซึ่งรัฐบาลไทยมีเจตนารมณ์มุ่งมั่นทางการเมือง โดยการนำสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาลได้พัฒนาด้านความเข้มแข็งและขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจและสังคม ขณะที่อันดับความสามารถในการแข่งขัน โดยสถาบัน IMD World Competitiveness Center จัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของ 61 ประเทศทั่วโลก ซึ่งไทยดีขึ้น 2 อันดับ จากอันดับที่ 30 ในปี 58 เป็นอันดับที่ 28 ในปี 59 และล่าสุดดีขึ้นเป็นอันดับที่ 27 ในปี 60 ส่วนในด้านสังคมและคุณภาพชีวิต World Happiness Report 2017 รายงานค่าดัชนีความสุขโลก พบว่าคนไทยมีอันดับดีขึ้นจาก 33 ในช่วงปี 56-58 เป็น 32 ในช่วงปี 57-59

"ภารกิจของรัฐบาลตามโรดแมพจากนี้คือการเตรียมส่งมอบภารกิจให้กับรัฐบาลชุดใหม่มารับหน้าที่บริหารประเทศต่อภายหลังการเลือกตั้ง และขอยืนยันว่า ไม่ต้องกังวลเรื่องการเมืองภายในประเทศไทย เพราะรัฐบาลกำลังเดินหน้าแก้ไขปัญหา สร้างความเข้มแข็ง และทุกอย่างกำลังเดินไปตามโรดแมพ ขณะที่ในด้านเศรษฐกิจไทยกำลังเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตลอด 3 ปี ที่ผ่านมารัฐบาลไม่เคยเข้าไปสร้างผลกระทบ มีแต่การอำนวยความสะดวกด้านการลงทุน และยืนยันว่าแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจของไทยจะดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง"นายกรัฐมนตรี กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ