SME Bank เชื่อผลการตัดสินคดี FRCD ไม่กระทบฐานะการเงิน พร้อมยื่นศาลฎีกาต่อสู้คดี

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday June 29, 2017 11:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME Development Bank เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) (SCBT) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ธพว.ในฐานะจำเลย เพื่อเรียกค่าเสียหายตามสัญญาอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Cross Currency Swap /CCS) และสัญญาป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Swap /IRS) บนบัตรเงินฝากชนิดดอกเบี้ยลอยตัว (FRCD) จำนวนคดีมีทุนทรัพย์รวมประมาณ 6,000 ล้านบาท ต่อศาลแพ่งจำนวนทั้งสิ้น 3 คดี เมื่อปี 2551 และ 2552 ซึ่งศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 27 ต.ค.2558 ให้ ธพว.ชนะคดี โดยยกฟ้องทั้ง 3 คดี แต่ต่อมาโจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.2560 พิจารณาให้ ธพว.ชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามจำนวนดังกล่าวนั้น

กรรมการผู้จัดการ ธพว. กล่าวว่า กรณีข้อพิพาทดังกล่าว เป็นธุรกรรมที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2549 และต่อมาได้ต่อสู้คดีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ซึ่งจากผลของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ธนาคารจะใช้สิทธิต่อสู้คดีในชั้นศาลฎีกาต่อไป ส่วนผลของคดีจะเป็นอย่างไรนั้น ธพว.ยินดีและพร้อมปฏิบัติตามคำพิพากษาทุกประการ

สำหรับฐานะการเงินของธนาคารมีความแข็งแกร่ง ณ สิ้นปี 2559 ธนาคารมีกำไรถึง 1,600 ลบ. ยังมีเงินกองทุนและมีเงินสำรองหนี้ส่วนเกินรองรับความเสียหายที่เพียงพอและเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ BIS Ratio ตามเกณฑ์ Basel II ไว้ที่ร้อยละ 8.5 ขณะนี้ธนาคารมีกองทุนขั้นที่ 1 มี.ค.2560 ที่ร้อยละ 11.55 และกรณีเมื่อมีการเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ในกองทุนขั้นที่ 2 ก็จะมีกองทุนขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2 รวมกันเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 12 ซึ่งจะทำให้ฐานะทางการเงินมีความแข็งแกร่ง เพียงพอต่อการชำระหนี้ตามความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นหากผลของคำพิพากษาให้ ธพว.ชำระหนี้ โดยไม่มีผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของ ธพว.และผู้ฝากเงินหรือเจ้าหนี้ก็ไม่ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน

"ธพว. ยังสามารถดำเนินการตามแผนพันธกิจผู้ประกอบการรายย่อยปี 2560 ได้เป็นปกติ รวมถึงมีความพร้อมในการสนองนโยบายภาครัฐเพื่อผลักดันขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้เดินหน้าต่อไป ในส่วนของคดีนั้น ธพว. ยืนยันจะต่อสู้ในชั้นศาลฎีกา เพราะเชื่อมั่นในความยุติธรรมและมีพยานหลักฐานสำคัญที่จะสามารถยกขึ้นต่อสู้คดีในหลายประเด็นที่เป็นประโยชน์ต่อธนาคาร โดยการยื่นฎีกาตามกระบวนการจะใช้เวลาภายใน 30 วัน" นายมงคล กล่าว

ทั้งนี้ ธนาคารได้รายงานข้อมูลดังกล่าวต่อคณะกรรมการธนาคาร, กระทรวงการคลัง, กระทรวงอุตสาหกรรม และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รับทราบแล้ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ