นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือน พ.ค.60 ว่า เศรษฐกิจไทยมีสัญญาณการขยายตัวต่อเนื่อง โดยได้รับแรงขับเคลื่อนสำคัญจากการส่งออกที่ขยายตัวได้ในระดับสูงถึง 12.7% นอกจากนี้ การบริโภคภาคเอกชนมีสัญญาณปรับตัวดีสะท้อนจาก การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่ขยายตัวเป็นบวกและรายได้ที่แท้จริงของเกษตรกรที่ยังคงขยายตัว และการท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง
เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนจากภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ขยายตัว 7.6% ต่อปี และเมื่อปรับผลทางฤดูกาลขยายตัว 6.2% ต่อเดือน สอดคล้องกับปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ขยายตัวต่อเนื่องที่ 15.4% ต่อปี และเมื่อปรับผลทางฤดูกาลขยายตัว 6.5% ต่อเดือน โดยเป็นผลจากยอดจดทะเบียนในเขต กทม. และในเขตภูมิภาค ตามลำดับ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากรายได้เกษตรกรที่แท้จริงขยายตัวต่อเนื่องที่ 5.1% ต่อปี ขณะที่ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่งยังคงขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันที่ 4.4% ต่อปี สำหรับปริมาณนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคกลับมาขยายตัวสูงถึง 10.2% ต่อปี และเมื่อปรับผลทางฤดูกาลขยายตัว 14.8% ต่อเดือน
สำหรับการลงทุนภาคเอกชนมีสัญญาณฟื้นตัวจากการลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณนำเข้าสินค้าทุน ขยายตัวต่อเนื่องที่ 13.7% ต่อปี และเมื่อปรับผลทางฤดูกาลออกขยายตัว 5.9% ต่อเดือน ซึ่งสะท้อนแนวโน้มการลงทุนภาคเอกชนที่ดีขึ้น อย่างไรก็ดี ปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์หดตัวเล็กน้อยที่ -1.7% ต่อปี ในขณะที่การลงทุนในหมวดก่อสร้าง สะท้อนจากภาษีการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์กลับมาขยายตัวที่ 40.4% ต่อปี จากปัจจัยฐานต่ำหลังจากได้มีการเร่งโอนจากมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนองในช่วงต้นปี 59
ด้านการส่งออกสินค้าขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง โดยการส่งออกสินค้ามีมูลค่า 19.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวต่อเนื่องที่ 12.7% ต่อปี ทั้งนี้ หมวดสินค้าสำคัญที่สนับสนุนการส่งออกได้ดี ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ เกษตรกรรม ยานพาหนะอุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องใช้ไฟฟ้า เชื้อเพลิง เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ สินค้าอุตสาหกรรมเกษตรเป็นสำคัญ สำหรับประเทศที่ขยายตัวได้ดี ได้แก่ อาเซียน-9 จีน ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ฮ่องกง สหรัฐอเมริกา เป็นสำคัญ
สำหรับการนำเข้ามีมูลค่า 19.0 พันล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวต่อเนื่องที่ 18.3% ต่อปี โดยกลุ่มสินค้าที่สนับสนุนการขยายตัวของการนำเข้า ได้แก่ วัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป สินค้าทุน สินค้าทุนหักรายการพิเศษ (เครื่องบิน เรือ รถไฟ) เชื้อเพลิง และสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นสำคัญ ทั้งนี้ มูลค่าการส่งออกที่ขยายตัวและการนำเข้าที่ฟื้นตัวได้ดี ส่งผลให้ดุลการค้าในเดือนพฤษภาคม 2560 เกินดุลที่ 0.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ช่วง 5 เดือนแรก ปี 2560 ดุลการค้าเกินดุลที่ 5.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)
เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านการผลิต ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทย 2.59 ล้านคน (ช่วง 5 เดือนแรกปี 60 จำนวน 14.61 ล้านคน) ขยายตัวต่อเนื่องที่ 4.6% ต่อปี โดยเป็นนักท่องเที่ยวจากจีนซึ่งกลับมาขยายตัวครั้งแรกในรอบ 3 เดือน กลุ่มอินโดจีน (CLMV) เกาหลีใต้ และอินเดีย เป็นหลัก
ด้านดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรขยายตัว 6.9% ต่อปี โดยเป็นการขยายตัวในทุกหมวดสินค้า ได้แก่ หมวดพืชผลสำคัญ หมวดปศุสัตว์และหมวดประมง และดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม (TISI) อยู่ที่ระดับ 85.5
ขณะที่เสถียรภาพเศรษฐกิจภายในประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ดี และเสถียรภาพภายนอกอยู่ในระดับที่มั่นคง สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไป และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ -0.04% และ 0.5% ต่อปี ตามลำดับ สำหรับอัตราการว่างงานอยู่ที่ 1.3% ของกำลังแรงงานรวม ขณะที่สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ณ สิ้นเดือน เม.ย.60 อยู่ที่ระดับ 42.6% ซึ่งอยู่ภายใต้กรอบความยั่งยืนทางการคลังที่ตั้งไว้ไม่เกิน 60%
เสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับมั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือน พ.ค.60 อยู่ที่ระดับ 184.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนที่สูงถึง 3.5 เท่าเมื่อเทียบกับหนี้ต่างประเทศระยะสั้น