ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 33.55/59 แนวโน้มแข็งค่าสอดคล้องทิศทางภูมิภาค มองกรอบวันนี้ 33.50-33.60

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday July 18, 2017 09:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 33.55/59 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 33.71 บาท/ดอลลาร์

เช้านี้เงินบาทยังปรับตัวแข็งค่าอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ สอดคล้องกับทิศทางของค่าเงินสกุลอื่นในเอเชีย ที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้นเช่นกัน หลังจากที่ช่วงนี้ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาไม่ค่อยดีนัก ประกอบกับช่วงนี้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจของ จีนออกมาค่อนข้างดี จึงถือเป็นปัจจัยหนุนให้แก่ตลาดประเทศเกิดใหม่ (Emerging Market)

"บาทยังมีแนวโน้มแข็งค่าต่อ และถือว่าเป็นการแข็งค่าในรอบ 2 ปี เพราะตอนนี้ตัวเลขทางฝั่งจีนออกมาดี ซึ่งเป็นตัว ช่วยหนุน Emerging Market" นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทยังมีทิศทางแข็งค่า ให้กรอบการเคลื่อนไหวที่ 33.50-33.60 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เช้านี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 112.20 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานที่ระดับ 112.41 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรเช้านี้อยู่ที่ระดับ 1.1520 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1455 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.7170 บาท/
ดอลลาร์
  • ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เผยทิศทางค่าเงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.60-34 บาทต่อดอลลาร์
เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 33.86 ต่อดอลลาร์ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเริ่มต้นสัปดาห์เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 2 ปี หลัง
มีแรงขายเงินดอลลาร์ของผู้ส่งออก ในสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยมูลค่า 1.4 พันล้านบาท แต่ขาย
พันธบัตรสูงถึง 1.13 หมื่นล้านบาท
  • นายทนง พิทยะ อดีตรมว.คลัง กล่าวระหว่างร่วมงานสัมมนา "Reinventing Thailand-Japan in Decade
of New Global Challenge" ว่า เงินบาทแข็งค่าสูงสุดในรอบ 2 ปี ส่วนตัวมองว่า เป็นเพียงสถานการณ์ชั่วคราว โดยเงินที่ไหล
เข้าครั้งนี้เป็นเงินทุนระยะสั้นเพื่อหวังผลตอบแทน ในตราสารหนี้ เงินปันผลระหว่างกาลของบริษัทจดทะเบียนไทย และมีแนวโน้มแข็ง
ค่าขึ้นอีก แต่โดยรวมแล้วไม่น่าห่วง เพราะยังเป็นส่วนน้อยเมื่อเทียบกับเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ และไม่มีสัญญาณการไหลเข้า
เพื่อเก็งกำไร เชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) จะดูแลไม่ให้ค่าเงินบาทแข็งค่าจนเกินไปเมื่อเทียบกับคู่ค้าและคู่แข่งของไทย
  • รายงานข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรม แจ้งว่า ในสัปดาห์นี้นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม จะหารือกับนาย
วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับมาตรการการเงิน
ภายใน 2 สัปดาห์ โดยมาตรการที่สำคัญ อาทิ การให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เพิ่มวงเงินค้ำประกันของ
เอสเอ็มอีจาก 23.75% เป็น 30% โดยจะเร่งหาข้อสรุปการอุดหนุนส่วนต่างของวงเงินที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ จะมีมาตรการเสริมให้
เอสเอ็มอีเข้าถึงการทำประกันความเสี่ยงค่าเงิน
  • คณะกรรมการกำกับกิจการธนาคารจีน (CBRC) ออกแถลงการณ์ระบุว่า CBRC จะให้ความสำคัญมากขึ้นต่อการ
ป้องกัน และลดความเสี่ยงในตลาดการเงิน โดยคณะกรรมการจะทำการป้องกันความเสี่ยงเกี่ยวกับสภาพคล่อง, สินเชื่อ, ธนาคาร
เงา และในประเด็นอื่นๆ ที่มีความสำคัญ นอกจากนี้ CBRC จะใช้ความพยายามในการคุมเข้มกฎระเบียบเกี่ยวกับการให้เงินทุน และ
การลงทุนในตลาดอินเตอร์แบงก์ และจะเร่งรัดการปฏิรูปในภาคธนาคาร เพื่อปรับปรุงการตรวจสอบของธนาคารต่างๆ และให้ภาค
เอกชนนำเงินทุนเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมอย่างค่อยเป็นค่อยไป
  • ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก รายงานว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) มีการขยาย
ตัวเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันในเดือนก.ค. แต่ในอัตราที่ชะลอตัวลงอย่างมาก ขณะที่คำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงานร่วงลง

ทั้งนี้ ดัชนีภาคการผลิตดิ่งลงสู่ระดับ 9.8 ในเดือนก.ค. จากระดับ 19.8 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีภาคการผลิตจะอยู่ที่ระดับ 15 ในเดือนก.ค.

  • สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักบางสกุล ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (17 ก.
ค.) ท่ามกลางกระแสความวิตกที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุนที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้
หรือไม่ สืบเนื่องจากข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุดที่อ่อนแอของสหรัฐ

ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 112.63 เยน จากระดับ 112.55 เยน ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับ ดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1478 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1466 ดอลลาร์

  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (17 ก.ค.) โดยบรรยากาศการซื้อขายยังคงได้รับแรงหนุนจากการ
คาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่อ่อนแอ
  • นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาส่งออก-นำเข้าเดือน
มิ.ย., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้าง
เดือนมิ.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ