ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 33.23 แข็งค่ากว่าภูมิภาค มองกรอบวันนี้ 33.20-33.30 นลท.วิตกสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลี

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday August 10, 2017 09:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 33.23 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากปิด ตลาดเย็นวานนี้ และทำสถิติแข็งค่าสุดในรอบ 27 เดือน เนื่องจากนักลงทุนกังวลเรื่องภัยสงคราม

"เช้านี้บาทแข็งค่าทำนิวโลว์ในรอบ 27 เดือน เนื่องจากความกังวลเรื่องสงคราม รวมทั้งนักลงทุนเข้าไปถือครองสกุล เงินเยนและฟรังซ์ที่มีความมั่นคงกันมากขึ้น" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบเงินบาทวันนี้ไว้ที่ 33.20-33.30 บาท/ดอลลาร์

"บาทแข็งค่าเร็วมากกว่าภูมิภาค ดูเหมือนทางการจะเข้ามาดูแลไม่ให้แข็งค่าไปมากกว่านี้" นักบริหารเงิน กล่าว
  • ปัจจัยสำคัญ
  • เช้านี้เงินเยนอยู่ที่ 110.11 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 109.76/80 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ 1.1760 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นที่ระดับ 1.1740/1744 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.2770 บาท/
ดอลลาร์
  • ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ติดตามความคืบหน้าโครงการ
รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินแบบไร้รอยต่อ วงเงิน 2.8 แสนล้านบาท ซึ่งคาดว่าเอกชนจะลงทุนประมาณ 2 แสนล้านบาท
การลงทุนพัฒนาสถานีมักกะสัน และพื้นที่เชิงพาณิชย์บริเวณสถานีรถไฟความเร็วสูงอื่นอีกประมาณ 8 หมื่นล้านบาท โดยจะเปิดเชิญชวนผู้
ร่วมทุนภายในปลายปี 2560
  • รมว.คลัง เป็นประธานประชุมคณะกรรมการ ขับเคลื่อนตามแผนยุทธศาสตร์การชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ อี-
เพย์เมนต์ เปิดเผยว่า การดำเนินการเป็นไปได้ตามแผนที่วางไว้ ตั้งแต่ด้านที่ 1 ระบบพร้อมเพย์มีคนมาลงทะเบียน 31.5 ล้านบัญชี
โดยใช้หมายเลขบัตรประชาชน 23.3 ล้านคน และใช้หมายเลขโทรศัพท์ 8 ล้านคน ซึ่งการขยายตัวเพิ่มถือว่าดีมาก
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะเปิดใช้ระบบคิวอาร์โค้ดกลางอย่างเป็นทางการ เพื่อเปิดให้ทั้งสถาบันการ
เงิน ทั้งผู้ประกอบการธุรกิจบัตรเครดิต และบรรดากลุ่มให้บริการทางการเงินได้เข้ามาใช้คิวอาร์โค้ดในการสแกนรับจ่ายชำระสินค้า
และค่าบริการให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด ซึ่งช่วยเพิ่มทางเลือกในการใช้จ่ายง่ายขึ้น ลดการใช้เงินสด ลดต้นทุนทางการเงินให้
น้อยลงได้ และป้องกันไม่ให้ร้านค้าประชาชนเกิดความสับสน
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งประจำเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 0.7% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่
สุดในรอบ 6 เดือน และมากกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 0.6% โดยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมิ.ย.ได้แรงหนุน
จากสต็อกรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น 1.4%
  • ประธานเฟดสาขาชิคาโก กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อต่ำจะไม่เป็นอุปสรรคต่อเฟดในการปรับลดงบดุลจำนวน 4.5 ล้าน
ล้านดอลลาร์ในเดือนหน้า แต่จะทำให้เฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงเดือนธ.ค. หรือนานกว่านั้น นอกจากนี้ ยังคาด
การณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธ.ค. แต่ถ้าอัตราเงินเฟ้อต่ำลงอีก เฟดก็อาจจะตัดสินใจเลื่อนการปรับขึ้นอัตรา
ดอกเบี้ยออกไปอีก
  • สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนและฟรังก์สวิส ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (9
ส.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกาหลีเหนือ
ประกาศว่าจะยิงขีปนาวุธถล่มเกาะกวม ซึ่งเป็นที่ตั้งฐานทัพของสหรัฐในมหาสมุทรแปซิฟิก โดยดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่
ระดับ 109.90 เยน จากระดับ 110.48 เยน ส่วนยูโรอ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.1753 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1758 ดอลลาร์
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (9 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
หลังจากสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีเหนือมีความตึงเครียดมากขึ้น โดยล่าสุดเกาหลีเหนือประกาศว่าจะยิงขีปนาวุธถล่มเกาะกวม
ซึ่งเป็นที่ตั้งฐานทัพของสหรัฐในมหาสมุทรแปซิฟิก
  • นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์,
ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ค. และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ค.

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ