ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 33.25 แกว่งแคบจากช่วงเช้า ตลาดไร้ปัจจัยใหม่ มองกรอบพรุ่งนี้ 33.20-33.30

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday August 17, 2017 17:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 33.25 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากเปิด ตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 33.24 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหว 33.23-33.25 บาท/ดอลลาร์ ตลาดรอปัจจัยใหม่เข้า มา

"วันนี้บาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบมาก ตลาดรอปัจจัยใหม่ที่ชัดเจนเข้ามาเพิ่มเติม" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบเงินบาทวันพรุ่งนี้ไว้ระหว่าง 33.20-33.30 บาท/ดอลลาร์เช่นเดิม

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เย็นนี้เงินเยนอยู่ที่ 110.11 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 109.75 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ 1.1701 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1783 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,568.95 จุด เพิ่มขึ้น 1.43 จุด, +0.09%
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 534.53 ล้านบาท(SET+MAI)
  • ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นปี เพิ่มขึ้น 7% แม้จะ
เทียบกับประเทศคู่แข่งจะเห็นว่าสูงสุด แต่จะไม่กระทบต่อการขยายตัวของการส่งออกในปีนี้ โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กน
ง.) มีการติดตามพัฒนาการอย่างใกล้ชิด โดยยอมรับว่าการบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน ที่มาจากปัจจัยภายนอก เช่น ปัญหาภูมิ
รัฐศาสตร์ เป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยาก
  • ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้นแห่งชาติ (บอร์ด
สตาร์ทอัพ) ระบุว่า ขณะนี้กระทรวงฯ กำลังเร่งยกร่างกฎหมายเพื่อสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพโดยตรง ซึ่งจะพิจารณาว่ามีธุรกิจใดที่ยัง
ไม่มีกฎหมายรองรับและจะสามารถผ่อนปรนให้ดำเนินการได้หรือไม่ โดยอาจเป็นการนำร่องทดสอบใน Regulatory Sandbox ไป
ก่อน, การพิจารณากำหนดประเภทธุรกิจสตาร์ทอัพที่จะได้รับการส่งเสริม, การให้สิทธิประโยชน์แก่นักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุน
ธุรกิจสตาร์ทอัพในไทย เป็นต้น
  • องค์การวิสาหกิจระหว่างประเทศของสิงคโปร์ (International Enterprise Singapore: IES) ซึ่งเป็น
หน่วยงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของรัฐบาลสิงคโปร์เปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดส่งออกสินค้าที่ไม่นับรวมนำมัน (NODX) ของ
สิงคโปร์ในเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 8.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี เนื่องจากการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
  • ที่ปรึกษาธนาคารกลางจีน เผยธนาคารกลางจีนยังไม่มีแนวโน้มที่จะคุมเข้มนโยบายการเงินในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ แต่
อาจจะปรับลดอัตราส่วนกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) หลังจากธนาคารกลางได้อัดฉีดเม็ดเงินจำนวนมากถึง 3.995 แสนล้าน
หยวน เข้าสู่ตลาดผ่านโครงการเงินกู้ระยะกลาง (MLF) เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
  • นางซาบีเน เลาท์เอนชะเลเกอร์ รองประธานคณะกรรมการกำกับดูแลของธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวเตือน

ผ่านทางจดหมายข่าวที่มีการเผยแพร่วานนี้ว่า ธนาคารทุกแห่งที่ได้รับผลกระทบจากการที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป

(Brexit) นั้น ควรเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับสถานการณ์ "hard Brexit" ที่อาจเกิดขึ้น พร้อมกับแนะนำว่า ธนาคารที่มีความ

สนใจย้ายฐานการดำเนินงานจากอังกฤษไปยังประเทศอื่นๆในยูโรโซนนั้น ควรเร่งตัดสินใจโดยเร็ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ