นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยถึงตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในไตรมาส 2/60 ขยายตัวได้ 3.7% เป็นผลมาจากสิ่งที่รัฐบาลได้พยายามทำ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับพื้นฐานที่ต้องการเสริมให้มีความเข้มแข็งขึ้น และมองว่าการฟื้นตัวจะค่อยๆ กระจายออกไป
แต่อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวมองว่าอัตราเติบโตที่ 3.7% ยังต่ำกว่าที่หวังไว้ เพราะอยากเห็นเศรษฐกิจไทยขยายตัวได้เต็มศักยภาพ เนื่องจากเศรษฐกิจยังมีโอกาสในการเติบโตได้อีกมาก โดยอยากเห็นภาพรวม GDP ขยายตัวได้ถึง 4% แต่ภาคเอกชนต้องมีการลงทุนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจากข้อมูลในขณะนี้พบว่ามีคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ค่อนข้างมาก และเมื่อรวมกับการลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐจะเป็นอีกปัจจัยที่จะช่วยทำให้ GDP เติบโตได้ถึง 5% ถือเป็นสัญญาณที่ดี
"เศรษฐกิจที่ขยายตัวดีขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่สามารถลงทุนได้ จะเป็นผลให้เอกชนเชื่อมั่นและลงทุนตาม เหมือนน้ำที่ไหลจากด้านบนไปสู่ด้านล่าง และในระยะต่อไปคนระดับกลางและผู้มีรายได้น้อยก็จะได้รับประโยชน์ในส่วนนี้ไปด้วย" รมว.คลัง กล่าว
รมว.คลัง กล่าวว่า รัฐบาลกำลังพยายามหาแนวทางในการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย โดยเฉพาะผู้มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจน ซึ่งขณะนี้กำลังพิจารณามาตรการช่วยเหลือที่ถือว่าเป็นล็อตที่ 2 จะไปดูว่าสามารถเติมเงินเพื่อช่วยเหลือได้อย่างไร ส่วนมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยล็อตแรกเตรียมจะเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เร็วนี้ๆ โดยหลักการจะให้ความช่วยเหลือค่าเดินทางและค่าใช้จ่ายต่างๆ ส่วนรายละเอียดคงต้องรอผ่าน ครม.ก่อน
ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปีหน้า รมว.คลัง คาดว่า น่าจะมีภาพที่ดีขึ้น แต่ทั้งหมดยังต้องรอเรื่องโครงการพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ที่จะป็นแรงผลักดันสำคัญ
"EEC ต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี จึงจะเริ่มเห็นผลเพราะโครงการลงทุน EEC ส่วนใหญ่เป็นโครงการขนาดใหญ่ ต้องใช้เวลา แต่เมื่อโครงการสามารถเดินหน้าได้ ทุกอย่างก็จะดีขึ้น ที่ผ่านมาได้มีการหารือกับนักลงทุนต่างชาติ ทุกคนเชื่อว่าสิ่งที่ไทยคิดจะตั้ง EEC ขึ้นมาเป็นเรื่องที่ดี และอยากให้เราเร่งดำเนินการโดยเร็ว"นายอภิศักดิ์ กล่าว