ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 33.13 อ่อนค่า หลังเฟดมีมติคงดบ. พร้อมส่งสัญญาณปรับขึ้นอีกครั้งในปีนี้-ลดงบดุลเดือนต.ค.

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday September 21, 2017 09:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 33.13 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่า จากเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดอยู่ที่ 33.06 บาท/ดอลลาร์

"เงินบาทอ่อนค่าชัดเจนหลังเฟดมีมติคงดอกเบี้ย แต่ประกาศเดินหน้าลดขนาดงบดุลในเดือนตุลาคมและยังส่งสัญญาณว่าปีนี้ ยังจะขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งหนึ่ง ดอลลาร์ก็มีแรงซื้อเข้ามาเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญหลังจาก FOMC แถลงออกมา...ถือว่าเซอร์ไพรส์ ตลาดบ้างเพราะที่ผ่านมาตลาดมองว่าเฟดมักจะระมัดระวังคำพูด แต่เมื่อคืนชัดเจนทั้งเรื่องดอกเบี้ยและเรื่องงบดุล" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน มองว่าวันนี้เงินบาทน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.10-33.20 บาท/ดอลลาร์

"เงินบาทอาจจะอ่อนค่าต่อแต่คงไปไม่ไกลมากเพราะดูว่า ณ ระดับนี้น่าจะรับข่าวกันพอสมควร ขณะที่คืนนี้จะมีตัวเลขผู้ขอ รับสวัสดิการของสหรัฐฯ" นักบริหารเงิน กล่าว

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ 112.48 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 111.34 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ 1.1873 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 1.2006 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.0730 บาท/
ดอลลาร์
  • คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตรา
ดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 1.00-1.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ พร้อมกับส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตรา
ดอกเบี้ยอีกหนึ่งครั้งในปีนี้

นอกจากนี้ เฟดยังได้ประกาศว่าจะเริ่มปรับลดงบดุลที่ประกอบด้วยพันธบัตรรัฐบาล, ตราสารหนี้ของหน่วยงานของรัฐ และหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน หรือ MBS ในเดือนต.ค. จากปัจจุบันที่ระดับ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์

ภายใต้นโยบายปรับลดงบดุลของเฟด เฟดจะกำหนดวงเงินพันธบัตรรัฐบาล, ตราสารหนี้ของหน่วยงานของรัฐ และ MBS ที่เฟดจะปล่อยให้ครบกำหนดอายุโดยไม่มีการนำเม็ดเงินไปลงทุนใหม่ และจะเพิ่มเพดานตามเป้าหมายที่เฟดกำหนด โดยในเบื้อง ต้น เฟดจะจำกัดเพดานการลดวงเงินการถือครองตราสารเหล่านี้ที่ระดับ 1 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน ก่อนที่จะขยายเพดานการลดการ ถือครองตราสารอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในทุกๆ ไตรมาส จนกระทั่งแตะระดับ 5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือนในเดือนต.ค.61

  • -นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แถลงต่อสื่อมวลชนภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม 2 วัน
ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดเมื่อวานนี้ โดยเยลเลนยอมรับว่า การที่เงินเฟ้อของสหรัฐยังคงปรับตัวต่ำกว่าระดับเป้า
หมายในปีนี้ เป็นเรื่องที่ค่อนข้าง "น่าประหลาดใจ" แต่ถึงกระนั้น เฟดก็ยังอยู่ทิศทางที่จะพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหนึ่งครั้งในปี
นี้
  • สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (20 ก.ย.) หลัง
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ประกาศว่าจะเริ่มปรับลดงบดุลบัญชีในเดือนต.ค. พร้อมส่งสัญญาณเตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง
ในปีนี้
  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (20 ก.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้าน
การพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 22 เดือน นอกจากนี้ สัญญาน้ำมัน
ดิบยังได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันอาจจะขยายระยะเวลาในการปรับลดกำลังการผลิต เพื่อแก้ไขภาวะน้ำมัน
ล้นตลาด

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 93 เซนต์ หรือ 1.9% ปิดที่ 50.41 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.15 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 56.29 ดอลลาร์/บาร์เรล

  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 ก.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียด
ระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือ ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่ว่า
จะทำลายเกาหลีเหนือให้สิ้นซาก หากสหรัฐถูกคุกคาม

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 5.8 ดอลลาร์ หรือ 0.44% ปิด ที่ระดับ 1,316.4 ดอลลาร์/ออนซ์

  • สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนส.ค.60 อยูที่
ระดับ 85.0 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 83.9 ในเดือนก.ค.60 ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน โดยค่าดัชนีฯ
ที่เพิ่มขึ้นเกิดจากองค์ประกอบ ยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ
  • สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ในเดือนส.ค. 60 ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปได้
102,907 คัน เพิ่มขึ้น 9.26% จากเดือนส.ค.59 เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 14 เดือน โดยส่งออกเพิ่มขึ้นเกือบทุกตลาด ยกเว้น
ตะวันออกกลางและตลาดแอฟริกา ขณะที่ยอดผลิตรถยนต์ในช่วง 8 เดือนแรกปีนี้มีทั้งสิ้น 1,287,472 คัน ลดลง 1.24% จากช่วง
เดียวกันของปีก่อน
  • นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เชื่อว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยมีโอกาสจะเติบโตได้อย่างน้อย 3.7% แน่นอน
เนื่องจากเห็นแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจในช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมาของปีนี้ซึ่งมีทิศทางที่ดีขึ้น และถือเป็นสัญญาณที่ดี ขณะเดียว
กันกระทรวงการคลังพร้อมที่จะใช้นโยบายการคลังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไป หากในการประชุมคณะกรรมการ
นโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 27 ก.ย.นี้ ไม่มีการพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงจากระดับ 1.50%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ