ภาวะตลาดเงินบาท: ปิดตลาด 33.16/18 อ่อนค่า คาดกรอบพรุ่งนี้ 33.14-33.20 จับตาประชุม กนง.

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday September 26, 2017 17:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ที่ระดับ 33.16/18 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากช่วง เช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 33.12 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทปรับอ่อนค่าลงจากช่วงเช้า ซึ่งน่าจะมาจากแรงซื้อขายตามปกติ เพราะวันนี้ยังไม่ได้มีปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อตลาด อัตราแลกเปลี่ยนมากนัก แต่คาดว่านักลงทุนคงรอดูผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันพรุ่งนี้ว่าจะมีการ พิจารณาเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างไร รวมทั้งประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจในภาพรวมของปีนี้ในทิศทางใด

"วันนี้บาทอ่อนค่าจากเช้า จริงๆ ก็ไม่ได้มีข่าวอะไร มันก็ไหลไปเรื่อยๆ ตลาดคงรอดูผลประชุม กนง.พรุ่งนี้ แต่ส่วนใหญ่ ยังเชื่อว่าจะคงดอกเบี้ย" นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันพรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.14-33.20 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • ช่วงเย็นนี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 111.69/70 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 111.63 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1813/1814 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1853 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,669.75 จุด เพิ่มขึ้น 2.16 จุด (+0.13%) มูลค่าการซื้อขาย 60,208 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 149.66 ลบ.(SET+MAI)
  • ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) คงประมาณการเศรษฐกิจไทยในปีนี้ไว้ที่ 3.5% ตามที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือน เม.
ย.60 โดยมองว่าการส่งออกจะยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่าการลงทุนภาครัฐจะเร่งตัวขึ้น ส่วนอัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะ
เฉลี่ยอยู่ที่ 0.7% ในปีนี้ สำหรับเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งแรกของปี 60 สามารถขยายตัวได้ 3.5% จากการที่ผลผลิตภาคเกษตร และ
การส่งออกขยายตัวได้ดีมาก ถึงแม้การลงทุนจะยังแผ่ว

พร้อมประเมินว่าในปี 61 เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ 3.6% โดยความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจในปีหน้ามีทั้งปัจจัยภายนอกและ ภายในประเทศ ซึ่งปัจจัยภายนอก คือ ความผันผวนของตลาดเงินโลก ส่วนปัจจัยภายในที่ต้องจับตา คือ การเลือกตั้ง ซึ่งคาดว่าจะมี ขึ้นในปลายปี 61 ตามแผนโรดแมพของรัฐบาล

  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า การประกาศใช้แนวทางการกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความ
เสี่ยงเชิงระบบในประเทศ (Domestic systemically important banks : D-SIBs) เป็นการเพิ่มขั้นต่ำอัตราการดำรงเงิน
กองทุนชั้นที่ 1 หรือกันสำรองขั้นต้นจาก 6.5% เป็น 7.5% โดยจะมีผลบังคับใช้กับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 5 แห่ง คือ ธนาคาร
กรุงเทพ, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งเป็นธนาคารที่มีความสำคัญเชิง
ระบบ โดยยืนยันว่าแนวทางดังกล่าวเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและความแข็งแกร่งของสถาบันการเงินภายในประเทศให้มากขึ้น ไม่มี
ผลกระทบต่อเงินฝากของประชาชน และไม่กระทบต่อการดำเนินงานของสถาบันการเงินดังกล่าว
  • ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนก.ค. โดยระบุว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบาย
การเงินของ BOJ จะยังคงดำเนินการตามกรอบนโยบายในปัจจุบัน นอกจากนี้ BOJ ยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มราคาผู้
บริโภค เนื่องจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ได้หยุดการชะลอตัวลงแล้ว และมีแนวโน้มที่จะไต่ระดับขึ้นสู่ระดับ 2%
  • นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีกำหนดขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมที่เมืองคลี
ฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ ในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนในตลาดการเงินจับตาความเคลื่อนไหวของประธานเฟดอย่างใกล้ชิด เพื่อหาสัญญาณที่
ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินของเฟด
  • นางจาง เตา รอง ผอ.กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวรวดเร็วขึ้น
ในปีหน้า แต่ก็คาดว่าเศรษฐกิจอาจเผชิญกับอุปสรรคที่ท้าทายหลายด้าน เช่น ภาวะศักยภาพด้านการผลิตต่ำ รายได้ที่สูงอย่างไม่เท่า
เทียมกัน และปัญหาเงินเฟ้อต่ำ ทั้งนี้ IMF ออกรายงานล่าสุดในเดือนก.ค. โดยเชื่อว่าเศรษฐกิจโลกปีนี้จะเติบโตได้ 3.5% ส่วนปี
หน้าคาดว่าเติบโตได้ 3.6%
  • สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ที่จะมีการรายงานในช่วงสัปดาห์นี้ ได้แก่ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.,

ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ เป็นต้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ