ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 33.31 อ่อนค่าต่อเนื่องจากช่วงเช้า แม้กลับมาแข็งค่าในช่วงสั้น หลังกนง.มีมติคงดอกเบี้ย

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday September 27, 2017 17:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ที่ระดับ 33.31 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจาก ตอนเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 33.23 บาท/ดอลลาร์ และอ่อนค่าสุดในรอบ 1 เดือน โดยวันนี้ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวทำ High ที่ 33.32 และ Low 33.21 บาท/ดอลลาร์ "มีการขายสินทรัพย์ในตลาดเกิดใหม่ และกลับเข้าไปถือดอลลาร์ ทำให้เงินบาทไม่ได้เป็นสกุลเดียวที่อ่อนค่าแต่เป็นทั้ง ภูมิภาคเลยรวมทั้งเยนและยูโรด้วย ส่วนผลประชุม กนง.คงดอกเบี้ยทำให้เงินบาทกลับมาแข็งค่าในช่วงสั้นๆ หลังจากนั้นก็อ่อนค่า ต่อ ขณะที่ผลคำพิพากษาของศาลในคดีโครงการรับจำนำข้าวนั้นเป็นเรื่องที่คนคาดเดาไว้แล้วว่าน่าจะออกมาเป็นแบบนี้...คิดว่าวันนี้ บาทอ่อนค่าให้น้ำหนักไปที่ปัจจัยในตลาดโลกที่นักลงทุนกลับมาถือครองดอลลาร์ ความไม่แน่นอนทางการเมืองของยูโรโซน และแนวโน้ม ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.25-33.35 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 112.81 เยน/ดอลลารื จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 112.35 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1751 ดอลลาร์/ยูโร จกาตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 1.1789 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,670.27 จุด เพิ่มขึ้น 0.52 จุด, +0.03% มูลค่าการซื้อขาย 54,854.99 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 53.90 ลบ.(SET+MAI)
  • ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 27 ก.ย.60 มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ไว้ที่ 1.50% ต่อปี โดยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีกว่าที่ประเมินไว้เดิมจากการขยายตัวของการส่งออกสินค้าและ
บริการ รวมทั้งอุปสงค์ในประเทศที่ฟื้นตัวต่อเนื่องและเริ่มกระจายตัวมากขึ้น อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นแต่ในอัตราที่ชะลอ
ลงกว่าประมาณการเดิมจากปัจจัยด้านอุปทานโดยเฉพาะราคาอาหารสดเป็นสำคัญ ขณะที่ภาวะการเงินโดยรวมยังอยู่ในระดับผ่อนคลาย
และเอื้อต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ คณะกรรมการฯ เห็นว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายในระดับปัจจุบันมีส่วนช่วยสนับสนุนการขยาย
ตัวของเศรษฐกิจและเอื้อให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปกลับสู่เป้าหมายได้แม้อาจต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง
  • คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ปรับประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในปีนี้เพิ่มเป็น
3.8% จากเดิม 3.5% พร้อมปรับประมาณการมูลค่าการส่งออกของไทยในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 8% จากเดิมที่ 5% โดยมองว่าการส่งออก
ขยายตัวดีขึ้นสอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่เข้มแข็งมากขึ้น
  • ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) มีความเห็นต่อผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ว่า กนง. มีมติ
ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ นับเป็นการลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ครั้งที่ 19 ติดต่อกัน ค่าเงินบาท
แข็งค่าเล็กน้อยและซื้อขายอยู่ใกล้ระดับ 33.26 ต่อดอลลาร์ หลังจากการประชุม กนง.
  • ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) คาด กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50%
ตลอดทั้งปี 60 เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจไทยที่ยังคงขยายตัวแบบไม่ทั่วถึง ควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพการเงินของประเทศที่ยังมีความ
เสี่ยงจากพฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้นและการประเมินความเสี่ยงต่ำกว่าที่ควร อย่างไรก็ดี แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะลดลง
จากที่ประเมินไว้เดิม แต่เงินบาทที่เริ่มอ่อนค่าลงตามการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจ
ไทยโดยเฉพาะภาคส่งออกจะช่วยลดแรงกดดันในการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงได้
  • นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นและทำให้ค่า
เงินบาทอ่อนค่าลง ส่งผลต่อความผ่อนคลายแรงกดดันในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กน
ง.) ในการประชุมเดือนพ.ย. เพราะแนวโน้มค่าเงินค่าเริ่มเห็นสัญญาณการอ่อนค่าลง ทำให้มองว่า กนง.จะยังไม่จำเป็นที่ต้องใช้
การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 1.5% ต่อปีต่อไป
  • คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการของ WEF (World
Economic Forum) แถลงรายงานดัชนีความสามารถทางการแข่งขันระดับโลก (Global Competitiveness Index : GCI)
จาก 137 ประเทศทั่วโลกว่า ในปีนี้ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับที่ 32 โดยมีคะแนน 4.7 จากคะแนนเต็ม 7
คะแนน จากปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ในอันดับที่ 34 และมีคะแนน 4.6
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) 2 ฉบับ ได้แก่ “แนวทางการระบุและ
การกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ” (Domestic Systemically Important Banks หรือ
D-SIBs) และ “รายชื่อธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศ” ประจำปี 2560 ประกอบด้วย 5 แบงก์ ไม่มีผล
กระทบต่อการดำรงเงินกองทุน ตลอดจนการดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์ที่เป็น D-SIBs และไม่กระทบใดๆ ต่อเงินฝากของ
ประชาชนที่ธนาคารพาณิชย์ทั่วไป
  • ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีมติเอกฉันท์พิพากษาโทษจำคุก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีต
นายกรัฐมนตรี ในคดีทุจริตจำนำข้าว เป็นเวลา 5 ปี ไม่รอลงอาญา เนื่องจากละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นความผิดตามประมวล
กฎหมายอาญามาตรา 157 (เดิม) และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542
มาตรา 123/1
  • กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเปิดเผยว่า นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐจะเดินทางเยือน
จีนในวันพรุ่งนี้ เพื่อหารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีน ในประเด็นวิกฤตนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ และประเด็นอื่นๆ
  • ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป (ZEW) ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยของเยอรมนี เปิดเผยว่า การคาดการณ์เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ

ของจีนในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ยังคงอยู่ในทิศทางที่เป็นบวก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ